สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 ธันวาคม 2568)-----------บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับหนึ่งของโลก พร้อมสถานะ Green Card ในรายงาน ChemScore 2025 ซึ่งเป็นดัชนีมาตรฐานระดับสากลที่พัฒนาโดย ChemSec เพื่อประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการสารเคมีของบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุด 40 แห่งทั่วโลก ทั้งนี้ บริษัทฯ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสามอันดับแรกของโลกอย่างต่อเนื่อง และมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มบริษัทในเอเชียรวมกันถึงสองเท่า ความสำเร็จครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นของธุรกิจกับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ChemScore[1] เป็นดัชนีที่นักลงทุนระดับโลก หน่วยงานกำกับดูแล และเจ้าของแบรนด์ระดับนานาชาติใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อประเมินบริษัทต่างๆ ตาม 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการสารเคมีอย่างรับผิดชอบ การพัฒนาสารทดแทนที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่า ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล และการดูแลรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่คุณค่าในระยะยาว การจัดอันดับนี้พัฒนาโดย ChemSec องค์กรอิสระไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนให้มีการทดแทนสารเคมีอันตรายด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยการประเมินในปี 2568 อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้รับ 57 คะแนน จาก 100 คะแนน พร้อมได้รับสถานะ Green Card โดยได้คะแนนในหมวดความโปร่งใส (Transparency) 12/25 คะแนน หมวดการลดและยุติการใช้สารเคมีที่ย่อยสลายได้ยาก (Phase-out of Persistent Chemicals) 23/25 คะแนน หมวดกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Portfolio) 13/25 คะแนน และหมวดโซลูชันที่ปลอดภัยมากกว่า (Safer Solutions) 9/25 คะแนน
อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้รับการยกย่องจาก ChemSec ในการนำ Substitute It Now (SIN) List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อเฉพาะของรายการสารเคมีอันตรายที่ควรถูกทดแทนโดยเร็วมาใช้ เพื่อลดและขจัดการใช้สารอันตรายอย่างเป็นระบบ เร่งการพัฒนาสารทดแทนที่ปลอดภัยกว่า และขยายการใช้วัตถุดิบหมุนเวียนแบบชีวภาพและวัตถุดิบรีไซเคิลที่ปลอดภัยจากสารอันตราย ซึ่งแนวทางดังกล่าวช่วยให้บริษัทฯ ก้าวล้ำหน้าข้อกำหนดด้านกฎระเบียบระดับโลกที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะข้อจำกัดใหม่ของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับสารเคมีที่คงทนในสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับวัสดุที่ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับได้ ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ สุขภาพและสุขอนามัย และอุตสาหกรรมต่างๆ
นายยาช โลเฮีย ประธานบริหารฝ่ายปิโตรเคมี และประธานคณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลของ อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า "อินโดรามา เวนเจอร์ส รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำระดับโลก โดยครองอันดับหนึ่งใน ChemScore 2025 ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความทุ่มเทของทีมงานทั่วโลกที่ทำงานทุกวันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสุขภาพและความปลอดภัย ลดปริมาณฟุตปริ้นท์ด้านสารเคมี และยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการสารเคมีอย่างต่อเนื่อง เราขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องที่เราได้รับจาก ChemSec และ IIHC ซึ่งช่วยผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การได้รับการยอมรับครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นของธุรกิจกับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และเพื่อส่งมอบโซลูชันที่ปลอดภัยกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า และเป็นโซลูชันที่หมุนเวียนได้มากขึ้นสำหรับลูกค้าและชุมชนของเรา"
นางซอนยา ไฮเดอร์ หัวหน้าฝ่ายการเงินยั่งยืนจาก ChemSec กล่าวว่า "ChemSec ขอแสดงความยินดีกับอินโดรามา เวนเจอร์ส ที่ได้รับอันดับสูงสุดจากการจัดอันดับ ChemScore ในปีนี้ นับตั้งแต่การประเมิน Chemsore ครั้งแรก อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้โดดเด่นมาโดยตลอดจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยลดการใช้สารเคมีอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ แนวทางที่ก้าวหน้าและความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทฯ ถือเป็นกำหนดมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรม เราหวังว่าความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นแรงจูงใจให้บริษัทอื่น ๆ เดินตามรอย และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เคมีภัณฑ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและอนาคตที่ยั่งยืนกว่าเดิม"
เนื่องจาก ChemScore ถูกใช้มากขึ้นในหมู่นักลงทุนที่ให้ความสำคัญด้าน ESG เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของสารเคมีในระยะยาวและมาตรฐานการกำกับดูแล การได้รับการจัดอันดับสูงสุดของอินโดรามา เวนเจอร์ส ช่วยเสริมความน่าสนใจในการลงทุน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ ซึ่งผลการจัดอันดับครั้งนี้ยังสะท้อนบทบาทของอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการกำหนดทิศทางยุคใหม่ของเคมีภัณฑ์อย่างยั่งยืน นิยามของสารเคมีที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น การออกแบบเชิงหมุนเวียน ความโปร่งใสที่สูงขึ้น และนวัตกรรมคาร์บอนต่ำ สำหรับเจ้าของแบรนด์และผู้บริโภค ซึ่งนี่หมายถึงบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น วัสดุที่สะอาดขึ้น และการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน