สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(9 ธันวาคม 2568)--------ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ "ดัชนีการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศไทย" (Thailand Digital Transformation Index: TDTI) ครั้งแรก พบว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเข้าถึงเทคโนโลยีอยู่ในระดับสูงที่สุดในอาเซียน เทียบเท่าประเทศชั้นนำของสหภาพยุโรป แต่ยังมีช่องว่างด้านทักษะดิจิทัลและความสามารถในการใช้ AI เพื่อสร้างผลิตภาพที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสากลอย่างมีนัยสำคัญ
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัย DEIIT กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้เก็บข้อมูลจากประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 871 คน ทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค โดยวัดศักยภาพดิจิทัลผ่าน 6 มิติหลัก ได้แก่ การเข้าถึงเทคโนโลยี ทักษะและการยอมรับ การพัฒนาตนเองด้านดิจิทัลและ AI การใช้บริการภาครัฐดิจิทัล ผลลัพธ์จากการใช้เทคโนโลยี และผลิตภาพจากการใช้ AI"ฮาร์ดแวร์" ไทยเทียบชั้นยุโรป แต่ "ซอฟต์แวร์" คนยังตามไม่ทัน
ผลการสำรวจเผยให้เห็นภาพความขัดแย้งที่น่าสนใจ ไทยได้คะแนนด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี (Digital Access) สูงถึง 80.76 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของประเทศชั้นนำในสหภาพยุโรปที่ 80-90 คะแนน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 70 คะแนน รวมทั้งสูงกว่าประเทศอาเซียนขนาดใหญ่ทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย (74.8) เวียดนาม (66.9) และอินโดนีเซีย (60.3)
"ข้อมูลชี้ชัดว่า การเข้าถึงอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตไม่ใช่อุปสรรคของไทยอีกต่อไป ประชาชนส่วนใหญ่มีสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ดิจิทัล พร้อมอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพดี แต่ปัญหาที่แท้จริงคือเรายังใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ไม่เต็มศักยภาพ" รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
ทักษะดิจิทัล-AI ต่ำกว่ามาตรฐาน เรียนรู้ด้วยตนเองมากกว่าระบบ
ในทางตรงกันข้าม คะแนนด้านทักษะดิจิทัล (Digital Skills) อยู่ที่เพียง 44.04 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับ "ปานกลางค่อนต่ำ" เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ขณะที่การพัฒนาตนเองด้านดิจิทัลและ AI มีคะแนนเพียง 35.46 ซึ่งถือว่าต่ำมาก
ที่น่าสนใจคือ ประชาชนไทยพัฒนาทักษะดิจิทัลผ่านการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning) ได้คะแนนสูงถึง 64.91 ซึ่งสูงกว่าการเรียนรู้แบบเป็นทางการ (20.61) มากกว่า 3 เท่า แสดงให้เห็นว่าคนไทยพัฒนาทักษะผ่าน YouTube, TikTok และแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าเรียนในระบบสถาบัน
ดร.ภัทรพงศ์ มาลาวัลย์ นักวิจัย DEIIT อธิบายว่า "แม้ประชาชนจะมีความสนใจและยอมรับเทคโนโลยีสูง แต่การเรียนรู้แบบไม่เป็นระบบทำให้เกิด 'ช่องว่างทักษะ' โดยเฉพาะทักษะเชิงลึกที่จำเป็นต่อการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Digital Problem-Solving และ AI Literacy ซึ่งยังต่ำกว่ามาตรฐานที่เศรษฐกิจดิจิทัลต้องการ"
ใช้ AI เยอะ แต่สร้างรายได้น้อย
ด้านผลิตภาพจากการใช้ AI (AI Productivity) ได้คะแนน 48.08 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง โดยประชาชนรับรู้ว่า AI ช่วยลดเวลาการทำงานได้มาก (50.83 คะแนน) แต่กลับช่วยเพิ่มรายได้ได้น้อยที่สุด (45.55 คะแนน) สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยใช้ AI เพื่อความสะดวกมากกว่าการสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ
"ผลสำรวจชี้ชัดว่า ไทยเป็นประเทศที่ใช้ AI เยอะ แต่ Productive AI ยังต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศ OECD ที่สามารถนำ AI ไปสร้างรายได้จริง เช่น งาน Freelance AI content, AI graphic, AI video หรือ automation consulting ซึ่งในไทยยังไม่แพร่หลาย" รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุ
บริการภาครัฐดีแต่ยังไม่ลื่นไหล
ด้านการใช้บริการภาครัฐดิจิทัล (E-Government Services) ได้คะแนน 64.08 ซึ่งถือว่าดี โดยประชาชนให้คะแนนด้านการเข้าถึงสูง แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องความเร็วของการให้บริการที่ยังไม่ seamless เท่าที่ควร
3 ช่องว่างสำคัญที่ต้องแก้ไข
รศ.ดร.อนุสรณ์ สรุปว่า ประเทศไทยมี 3 ช่องว่าง (Gap) สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข ได้แก่
1. ช่องว่างระหว่างการเข้าถึงกับทักษะ – มีอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตแต่ไม่มีทักษะใช้งานเชิงลึก
2. ช่องว่างระหว่างทักษะกับผลิตภาพ – มีทักษะพื้นฐานแต่ยังไม่สามารถนำมาสร้างผลผลิตได้เต็มที่
3. ช่องว่างระหว่างการใช้งานกับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ – ใช้เทคโนโลยีมากแต่ยังไม่ได้รายได้หรือมูลค่าเพิ่มที่คุ้มค่า
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ศูนย์วิจัย DEIIT เสนอว่า ประเทศไทยควรปรับทิศทางนโยบายจาก "Digital Access" ไปสู่ "Digital Capability" โดยเร่งพัฒนา 4 ด้านหลัก คือ
1. AI for Productivity – ส่งเสริมให้ประชาชนและธุรกิจใช้ AI เพื่อสร้างมูลค่า ไม่ใช่แค่ใช้งานทั่วไป
2. AI for SMEs – สนับสนุนให้ SME นำ AI มาใช้เพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน
3. AI Upskilling แบบเป็นระบบ – พัฒนาหลักสูตร AI Literacy ที่เป็นมาตรฐานให้ทั่วถึง
4. สร้าง Ecosystem – จัดทำนโยบายสนับสนุน เช่น tax incentives, AI sandbox, SME AI Coaching เพื่อกระตุ้นการใช้ AI อย่างจริงจัง
"ไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว แต่ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เต็มที่ จุดแข็งของเราคือความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในอาเซียน และความสนใจเรียนรู้ AI ที่สูงมาก แต่จุดอ่อนคือการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในระดับบุคคลและธุรกิจ หากเราแก้ไขช่องว่างเหล่านี้ได้ ไทยจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคได้อย่างแท้จริง" รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว