ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของธนาคารฯ เพื่อขยายระยะเวลามาตรการผ่อนปรนหนี้บัตรเครดิตออกไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นปี 2026 เพื่อบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือนและช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีความเสี่ยง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bot.or.th/th/news-and-media/news/news-20251204-2.html
1) การผ่อนผันชั่วคราวของอัตราการชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต
อัตราการชำระขั้นต่ำจะยังคงอยู่ที่ 8% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ธปท. จะติดตามและประเมินประสิทธิผลของมาตรการนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดอัตราการชำระขั้นต่ำที่เหมาะสมในอนาคต
2) สิทธิประโยชน์แบบแคชแบ็กสำหรับลูกหนี้ที่ชำระตามอัตราขั้นต่ำอย่างน้อย 8% : ลูกหนี้ที่ชำระอย่างน้อย 8% ของยอดคงค้าง จะได้รับแคชแบ็กเทียบเท่ากับการลดดอกเบี้ย 0.25% ของยอดคงค้าง โดยจะเครดิตเงินคืนทุก 3 เดือน เพื่อส่งเสริมให้ชำระหนี้ได้เร็วขึ้นและลดภาระดอกเบี้ย
3) ทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ขั้นต่ำ 8%
ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระขั้นต่ำ 8% ได้ สามารถปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยการแปลงหนี้บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อระยะยาวพร้อมการผ่อนชำระเป็นงวด ลูกหนี้ยังคงสามารถใช้วงเงินบัตรเครดิตที่เหลือเพื่อสภาพคล่องได้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้ผู้ออกบัตรเครดิตต้องเสนอเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เอื้อประโยชน์ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกหนี้จะกลายเป็นหนี้เสีย
มุมมองเบื้องต้นของเรา :
จากข้อมูลล่าสุดของอุตสาหกรรม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2025 สินเชื่อบัตรเครดิตของอุตสาหกรรมมีมูลค่ารวม 479,000 ล้านบาท โดย 51% อยู่ในกลุ่มธนาคาร และ 49% อยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร เมื่อเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคล (ไม่มีหลักประกัน) ของอุตสาหกรรมที่ 469,000 ล้านบาท และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (มีหลักประกัน) ที่ 387,000 ล้านบาท
ภายใต้กลุ่มผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ธนาคาร บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 14.5% (สินเชื่อบัตรเครดิต 6.94 หมื่นล้านบาท) และอิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) (AEONTS) ประมาณ 7.6% (3.62 หมื่นล้านบาท) ทั้งสองบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม (management overlay) ไว้ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้กำหนดอัตราการชำระเงินขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตเป็น 10% (ระดับก่อนโควิด) ในเดือนมกราคม 2026 เราเชื่อว่าการคงอัตราการชำระเงินขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตไว้ที่ 8.0% จะช่วยลดความเสี่ยงที่คุณภาพสินทรัพย์จะเสื่อมลงในช่วง 1H26 สำหรับผู้ให้บริการบัตรเครดิต และช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงล่างซึ่งเป็นลูกค้าโดยตรง จากผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุด อัตราส่วนเงินสำรองหนี้สูญของ KTC อยู่ที่ 426% และ AEONTS อยู่ที่ 167% ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC และ TIDLOR โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 55.00 และ 25.00 บาท ตามลำดับ