วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงแรก สูงสุดราว 10 จุด แรงซื้อนำโดยหุ้น AOT +11% ส่งผลต่อดัชนี +6 จุด จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือเรื่อง กบร. เคาะปรับขึ้นค่า PSC ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศในระดับที่สูงกว่าตลาดคาด ขณะที่มีแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก เป็นหลัก ทำให้ดัชนีแกว่งตัวลบเล็กน้อยในภาคบ่าย นักลงทุนชะลอการซื้อ-ขายก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,273.77 จุด -1.05 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 38,508.08 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +17.08 จุด +1.36%) Program Trading +529.37 ลบ. ต่างชาติ+1,428.79 ลบ. TFEX -10,813 สัญญาตราสารหนี้-21.22 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเพิ่มขึ้น 104.05 จุด หรือ +0.22% หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังคงหนุนความคาดหวังว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค.นี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์+0.5%, ดัชนี S&P500 +0.31% และดัชนี Nasdaq +0.91% ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 60.08 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบสองสัปดาห์ สัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาน้ำมันดิบ WTI +3% บวกต่อเนื่อง 2 สัปดาห์จากความคาดหวังว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความต้องการพลังงาน รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจำกัดอุปทานจากรัสเซียและเวเนซุเอลา
+ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2568 ได้มีผลบังคับใช้แล้วหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีสาระสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ยกเลิกระยะเวลาพักคอย (Breaking Period) จากเดิม บมจ.ต้องรอ 6 เดือนก่อนเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ กฎกระทรวงฉบับนี้ปรับปรุงให้สามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารทุนของบริษัท และ 2.ขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน จากเดิมบริษัทต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนภายใน 3 ปี ซึ่งสามารถขยายกรอบเวลาได้อีก 2 ปี เพื่อให้บริษัทสามารถเลือกช่วงเวลาในการจำหน่ายที่เหมาะสมกับสภาพตลาดได้มากขึ้น

ปัจจัยลบ
- สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เครื่องบินทหารจีนได้เล็งเรดาร์ล็อกเป้าใส่เครื่องบินขับไล่ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ (ASDF) บริเวณพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวา เมื่อวันเสาร์ (6 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
- ญี่ปุ่นรายงานค่าจ้างที่แท้จริง (Real Wage) ปรับตัวลง 0.7%YoY ในเดือนต.ค. ลดลงติดต่อกันเดือนที่ 10 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแซงหน้าการเติบโตของรายได้
+/- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ประจำเดือนต.ค. 2568 ว่ามีจำนวนนิติบุคคลเปิดกิจการใหม่ 280 ราย เพิ่มขึ้น 3.7%YoY ลดลง 17.2 %MoM

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีเคลื่อนไหว Sideway เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่พักฐาน มีเพียงหุ้นกลุ่ม BANK และ TRANSPORTATION ที่ปรับตัวขึ้นหนุนตลาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์นี้เป็นปัจจัยหนุนต่อดัชนี มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,267-1,280 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
- Direct PPA : GULF BGRIM GPSC EGCO RATCH
- ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “เที่ยวดีมีคืน” : MINT ERW CENTEL AWC BA AAV
- จัดตั้ง JV AMC : BAM KBANK CHAYO JMT
- สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโต : GFPT TFG ITC AAI
- คาดการณ์หุ้นเข้าคำนวณ SET50-SET100 รอบ 1H26 : SET50 เข้า ITC SAWAD ออก BCP VGI SET100 เข้า GFPT PTG ออก MBK WHAUP