News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

8 ธ.ค. 2568 09:00:13 72

Market Wrap-Up

SET วันที่ 4 ธ.ค.68 ปิด -1.05 จุด อยู่ที่ 1,273.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,508 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 786 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,429 บาท สถาบันขาย 1,333 ลบ. และรายย่อยซื้อ 690 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,182 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,KBANK,SCB,KTB,TTB และยอดขายหุ้น PTTEP,ADVANC,BH,BDMS,DELTA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,783 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CNROBOAI23, CNSEMI23, MINTโดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 9,454 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 94,769 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 21 ลบ..

Market View

ดัชนีดาวโจนส์ +0.5%WoW, ดัชนี S&P500 +0.31%WoW และดัชนี Nasdaq +91%WoW มีปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังคงหนุนความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภค +0.3% ในเดือน ก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ นอกจากนี้ตัวเลขPCE ในเดือน ก.ย. +0.3%MoM และ +2.8%YoY สอดคล้องกับการคาดการณ์ ส่วนการรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 53.3 สูงกว่าการคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดประเมินความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเฟดเดือนนี้ที่ 87%
ดัชนีSTOXX600 +0.4%WoW โดยนักลงทุนรอประเมินรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนความคาดหวังเฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นกลุ่มที่โดดเด่น +5.6% ได้แรงหนุนจากข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ต้องการยกเลิกกฎมาตรฐานประหยัดเชื้อเพลิงที่รัฐบาลไบเดนกำหนดไว้ ส่วนกลุ่มค้าปลีก +5% ได้แรงหนุนจากยอดขายเดือน พ.ย.ที่แข็งแกร่งของ Inditex เจ้าของแบรนด์ Zara ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอุตสาหกรรม Fast fashion และสะท้อนภาพรวมช่วงฤดูกาลลดราคาได้เป็นอย่างดี กลุ่มเทคโนโลยี +2.7% กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่ง +3.2% ตามแรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาทองแดงทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน
ตลาดหุ้นเอเชียสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการตอบรับเชิงบวกต่อความคาดหวังว่าเฟดลดดอกเบี้ย และ รอการประชุมคณะทำงานว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการประชุมกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรในเดือน ธ.ค. โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จีนจะคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจรายปีไว้ที่ราว 5% สำหรับปี69 พร้อมเปิดทางเลือกด้านม.กระตุ้นทางการคลังและการเงินต่อไป อย่างไรก็ตามตลาดญี่ปุ่น Nikkei มีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี โดยนักลงทุนกำลังรอผลประชุม BOJ ที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
SET วานนี้ +1.36%WoW ปริมาณการซื้อขาย/เฉลี่ยวัน 59 หมื่น ลบ. +8.74%WoW สถาบันขาย 1,829 ลบ. ต่างชาติซื้อ 3,631 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 622 ลบ. และรายย่อยขาย 2,425 ลบ. WoW แม้มีปัจจัยกดดันบ้างจากกลุ่มร.พ.-2.06%WoW จากข่าวแพ็กเกจประกันสุขภาพแบบใหม่ที่ใช้เข้าร.พ.รัฐโดยเฉพาะแลกกับเบี้ยประกันที่ถูกลง แต่ภาพรวมดัชนีสัปดาห์ก่อนมี Sentiment บวกจากโอกาสปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆของโลกและไทย นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแรงหนุนเฉพาะตัวจากกลุ่มขนส่ง +12.00%WoW นำโดย AOT +21.84%WoW หลังกบร.มีมติปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge) เป็น 1,120 บาท/คน จากปัจจุบันเก็บที่ 730 บาท/คน สูงกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่กลุ่มธนาคาร +3.29%WoW ปรับตัวขึ้นจากอัตราจ่ายปันผลปีนี้อยู่ในระดับสูงและคาดว่ามีโอกาสที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายการลงทุนของบัญชีTISA ทั้งนี้ ประเด็นการลงทุนในประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ 1.มาตรการเศรษฐกิจ และส่งเสริมการออมของประชาชนรวมถึง TISA(ลดหย่อนภาษี โดยไม่ต้องผ่าน LTF) ที่จะเข้าครม. ต้นสัปดาห์นี้ และ 2.การประชุมกนง. วันที่ 17 ธ.ค.68.

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,265 – 1,270 แนวต้าน 1,280 – 1,285 คาดดัชนียังมีแรงประคองตัว แนะนำทยอยซื้อกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากคาดกนง.ลดดอกเบี้ย เช่น SAWAD,AP,SPALI,DIF กลุ่มซ่อมแซมหลังน้ำท่วม เช่น TOA,DPAINT,DOHOME,GLOBAL กลุ่มที่มีโอกาสเป็นเป้าของ TISA เช่น SCB, TTB, KTB, PTT กลุ่มท่องเที่ยวรับ High Season โรงแรมไทย AOT,ERW,CENTEL,SHR
WHAUP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.35 บาท)แนวโน้มกำไร 4Q68 และปี 69 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี หนุนจากธุรกิจ Utilities ที่มีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำส่วนเกินจากลูกค้า Data Center ต่อเนื่อง รวมถึงคาดมีการเซ็นสัญญาการใช้น้ำเพิ่มขึ้นมาอีก 17-29 ล้านลบ.ม./ปี ขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Gheco One กลับมาเป็นบวกตามต้นทุนถ่านหิน นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสเติบโตจากโครงการ Direct PPA 2,000MW ที่รอ กกพ.ออกประกาศ รองรับลูกค้ากลุ่ม Data Center ที่อยู่ในนิคมของ WHA ในเขต EEC เช่น Google, Beijing Haoyang, GSA Data Center 02 ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 23 พันล้านบาท +4%YoY และ 1.46 พันล้านบาท +19%YoY

KTC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 35.00 บาท) คาดกำไร 4Q68 เติบโต YoY จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการ shopping ช่วงปลายปี รวมถึงน้ำท่วมภาคใต้อาจมีการใช้ credit card เพื่อซ่อมแซมบ้านและซื้อของใช้ในครัวเรือน NIM มีแนวโน้มดีขึ้นจาก policy rate ที่ลดลง ขณะ NPL ยังคุมได้ดี บริษัทตั้งเป้าปี 69 ขยายสินเชื่อรวม +1-2% สินเชื่อบัตรเครดิต +5% NPL ต่ำกว่า 2% และมี upside รายได้จากการขายประกันที่เริ่มแล้วใน 2H68 consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 7,625 ลบ. +1%YoY และปี 69 ที่ 7,927 ลบ. +4%YoY Dividend ดีที่ 5%

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ม.ค.+$0.41 อยู่ที่ $60.08 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$0.49 อยู่ที่ $63.75/บาร์เรล ภาพการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเกิดขึ้นหลังรัสเซียและสหรัฐฯยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครนได้ รวมถึงความตึงเครียดที่สูงขึ้นระหว่างสหรัฐฯและเวเนซุเอลา

Gold Update(0) Comex Gold ก.พ. ประคองตัวอยู่ที่ $4,243.00 /ออนซ์ อยู่ระหว่างรอผลการประขุมธนาคารกลางสหรัฐฯวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยหรือไม่

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ก่อน ซื้อสุทธิ +180.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +113.47 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +149.38 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -82.77 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 31.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวบวกอยู่ที่ 4.1409 %

(-) ดัชนี BDI วันศุกร์ที่แล้ว -87 อยู่ที่ 2,727

(+) BitCoin เช้านี้ +0.48% อยู่ที่ 90,860 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

17 ธ.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 6/2568

สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

09 ธ.ค. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

10 ธ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)

11 ธ.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, BDMS, ADVANC, AMATA, TOP,PTT

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662