หุ้นไทยน่าทยอยสะสม ... ทำไมกันน้า
HORIZON MARKET VIEW
• OECD เผยเศรษฐกิจโลกปรับตัวได้ดีกว่าที่คาด แม้เผชิญภาษีการค้าจากนโยบายของทรัมป์ โดยแรงหนุนมาจากการลงทุนในเทคโนโลยี AI และนโยบายการคลังการเงินที่สนับสนุน ทำให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP หลายประเทศในปีนี้และปีหน้า อาทิ สหรัฐฯ +2.0% (เดิม 1.8%) และ +1.7% (เดิม 1.5%), ยุโรป +1.3% (เดิม1.2%) และ +1.2% (เดิม 1.0%) เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลก OECD ประเมินว่าจะขยายตัว +3.2% ในปี 2568 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ +2.9% ในปี 2569
• ในแง่มุมของทิศทางดอกเบี้ย OECD คาดว่าธนาคารกลางต่างๆ มีแนวโน้มเดินหน้นโยบายการเงินผ่อนคลายน้อยลง เพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าระดับการลดดอกเบี้ยมีโอกาสเบาลง ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินมีโอกาสลดน้อยลงตามไปด้วย
REGION RADAR
•ESTEE LAUDER (EL US) +5.2% พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนหลังCEO STEPHANE DE LA FAVERIE ให้สัญญาณเชิงบวกเรื่องการฟื้นตัวในตลาดสหรัฐฯ
• ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ DISNEY มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายมากมาย อาทิ ZOOTOPIA 2 และ AVATAR 3 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ZOOTOPIA 2 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ในด้านของVALUATION มีความน่าสนใจ ปัจจุบันราคาหุ้นมีการซื้อขายที่ P/E16.2 เท่า แนะนำเก็งกำไร DISNEY19
THAI FOCUS
• เศรษฐกิจไทยระยะสั้นประคองตัวด้วยยาแรง ผ่านนโยบายคลังที่รัฐฯอัดฉีดเงินผ่านการคืนภาษี, สินเชื่อ SMES และคนละครึ่ง พลัส เพื่อดันGDP 4Q68 ให้ฟื้นตัวขึ้น แต่ระยะยาวมองว่าต้องเพิ่งนโยบายการเงินในการช่วยเหลือ
• ตลาดหุ้นไทยอาจ REBOUND ระยะสั้น จากข่าวมาตรการกระตุ้นและเก็งกำไรลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.68 แต่ ระยะยาวน่ากังวล เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอกว่าเพื่อนบ้านชัดเจน
SYNAPSE STRATEGY
• แม้ปีนี้ SET -9%YTD ลงเยอะสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก มูลค่าซื้อขายเบาบาง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการทยอยสะสมชัด จากบริษัทมีซื้อหุ้นคืน 3.36 หมื่นล้านบาท เยอะสุดเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ ทั้งหมด 81 หุ้นอาทิ CPALL, KKP, CPF, KBANK, BA, STGT, PTT, BTG
• รวมถึงผู้บริหารและนักลงทุนรายใหญ่ทยอยเก็บสะสมหุ้นเพิ่มปรากฎการณ์การทยอยสะสมดังกล่าว ในอดีตมักหนุนหุ้นให้ปีถัดไปฟื้นขึ้นได้เด่น ชอบ BDMS, CPF, AWC
HORIZON MARKET VIEW
เศรษฐกิจโลกทนทานต่อภาษีการค้า
OECD เผยเศรษฐกิจโลกปรับตัวได้ดีกว่าที่คาด แม้เผชิญภาษีการค้าจากนโยบายของทรัมป์ โดยแรงหนุนมาจากการลงทุนในเทคโนโลยี AI และนโยบายการคลัง-การเงินที่สนับสนุน ทำให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์GDP หลายประเทศในปีนี้และปีหน้า อาทิ สหรัฐฯ +2.0% (เดิม 1.8%) และ +1.7% (เดิม 1.5%), ยุโรป +1.3% (เดิม 1.2%) และ+1.2% (เดิม 1.0%) เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลก OECD ประเมินว่าจะขยายตัว +3.2%ในปี 2568 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ +2.9% ในปี 2569(ต่ำสุดในรอบ 5 ปี)ซึ่งเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3.4% (ปี 2010 –2024)
ในแง่มุมของทิศทางดอกเบี้ย OECD คาดว่าธนาคารกลางต่างๆ มีแนวโน้มเดินหน้านโยบายการเงินผ่อนคลายน้อยลง เพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) ส่วนใหญ่ยังอยู่กรอบเป้าหมาย อาทิ ญี่ปุ่น (+1.0%), ยุโรป (+0.2%), อังกฤษ (+1.6%), สหรัฐฯ (+1.0%) เป็นต้น อีกทั้งหนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตโดย OECD คาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2569 ก่อนที่จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.50%ตลอดปี 2570 ส่วน ECB และ BOC จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าระดับการลดดอกเบี้ยมีโอกาสเบาลง ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินมีโอกาสลดน้อยลงตามไปด้วย
REGION RADAR
ผู้บริหาร ESTEE LAUDER ให้สัญญาณเชิงบวกเรื่องการฟื้นตัวในตลาดสหรัฐฯESTEE LAUDER (EL US) +5.2% พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนหลัง CEO STEPHANE DE LA FAVERIE ให้สัญญาณเชิงบวกเรื่องการฟื้นตัวในตลาดสหรัฐฯ และการบริหารราคาอย่างมีวินัยในช่วง BLACK FRIDAY–CYBER MONDAY โดยบริษัทกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดได้สำเร็จในหลายหมวด อาทิ หมวด SKINCARE และHAIRCARE นอกจากนี้ CEO ยังกล่าวว่า “เราไม่ได้ลดราคาบ้าคลั่งเพื่อแย่งยอดขาย แต่ยังสามารถชนะในช่วงเวลาที่แข่งขันสูงสุดได้และไม่เพียงแค่ยอดขายเพิ่มขึ้นแต่เราทำยอดขายที่มีกำไรได้มากขึ้นด้วย”
ไตรมาส 4 เป็นช่วงที่ดีที่สุดของหุ้น DISNEY
ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ DISNEY มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายมากมาย ได้แก่ PREDATOR BADLANDS,ZOOTOPIA 2 และ AVATAR3 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ZOOTOPIA 2 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก มีรายได้เปิดตัวในสัปดาห์แรกทั่วโลกที่ระดับมากกว่า $500 ล้าน ซึ่งรายได้กว่า 50% มาจากประเทศจีน และบริษัทยังมีCATALYST ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมคือภาพยนตร์ AVATAR 3 ที่จะเริ่มฉายวันที่ 19 ธ.ค.2025
ในด้านของ VALUATION มีความน่าสนใจ ตลาดได้มีการปรับคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสำหรับ DISNEYโดยเฉพาะในปี 2025 สวนทางกับ P/E มีการปรับตัวลงมาต่อเนื่อง จนปัจจุบันราคาหุ้นมีการซื้อขายที่ P/E 16.2เท่า ถูกสุดในรอบ 5 –6 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นจังหวะดีในการเข้าสะสม
อีกทั้งผลตอบแทนรายไตรมาส 16 ปีย้อนหลัง (2009-2025) พบว่า ราคาหุ้น DISNEY มักปรับตัวขึ้นได้ดีในไตรมาส 4 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 10% ต่อไตรมาส และ QTD ในไตรมาส 4 ปีนี้ ราคาหุ้น DISNEY ยังย่อตัวอยู่-6.7%แนะนำเก็งกำไร DISNEY (DR: DISNEY19) จากแนวโน้มไตรมาส 4 ที่โดดเด่น หนุนจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ZOOTOPIA 2 และ AVATAR 3 อีกทั้ง VALUATION มีความน่าสนใจ และราคา LAGGARD สถิติในไตรมาส4 ราคาหุ้นมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก
THAI FOCUS
การประชุม กนง. เดือน ธ.ค.68 ควรลดดอกเบี้ยแค่ไหน
สถานการณ์เศรษฐกิจไทย แนวโน้ม GDP และทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไรในช่วงนี้โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่ามีความพยายามประคองตัวในระยะสั้น แต่มีความเสี่ยงสูงในระยะยาว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้
มาตรการการคลัง (FISCAL POLICY): รัฐบาลมั่นใจว่าใน 4Q68เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้เกิน 0.6%YOYโดยพยายามใช้ยาแรงผ่านการอัดฉีดเงินคืนภาษี,สินเชื่อ (SMES) และมาตรการคนละครึ่ง พลัส (เฟส 1) เพื่อชดเชยผลกระทบจากภัยธรรมชาติและกระตุ้น GDP ปี 2568ให้ได้ตามเป้า(2.0%-2.2%)
มาตรการการเงิน (MONETARY POLICY): นักลงทุนมองว่าลำพังมาตรการคลังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินด้วยการ "ลดดอกเบี้ย" เข้ามาช่วย เพราะแนวโน้มการเติบโตของไทยกำลังถดถอยลงอย่างชัดเจนโดย IMF คาดการณ์ GDP ของไทยในปี 2569จะเติบโตเพียง 1.6% (ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ 2.2%) และต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, จีน, อินโดนีเซีย: คาดว่าจะโตในระดับ 4.2% - 5.7% อีกทั้งหากเปรียบเทียบกับอดีตช่วงก่อน COVID-19 ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 1.5% แต่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้เกิน 2% ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจมีความเปราะบางกว่า จึงมีแรงกดดันให้ลดดอกเบี้ยลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ดังนั้น ตลาดหุ้นอาจตอบรับเชิงบวกระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นและลุ้นการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.68 แต่ในระยะยาวพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดูอ่อนแอเมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร
SYNAPSE STRATEGY
ปี 2025 SET ย่อ มูลค่าซื้อขายเบา แต่เห็นการเก็บสะสมหุ้นชัด หวังปีม้า 2026 SET จะกระโดด
แม้ปีนี้ SET -9%YTD ลงเยอะสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก มูลค่าซื้อขายเบาบาง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการทยอยสะสมชัด จากบริษัทมีซื้อหุ้นคืน 3.36 หมื่นล้านบาท เยอะสุดเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ ทั้งหมด 81 หุ้น อาทิ CPALL,KKP, CPF, KBANK, BA, STGT, PTT, BTG เป็นต้น
และหากดูสถิติในอดีต ปีไหนบริษัทซื้อหุ้นคืนเยอะปีถัดไป SET มีโอกาสรีบาวด์ อาทิ
▪ ปี 2013 ซื้อสะสม 1.1 หมื่นล้านบาท ปี 2014 SET + 15%
▪ ปี 2016 ซื้อสะสม 9.0 พันล้านบาท ปี 2017 SET +14%
▪ ปี 2020 ซื้อสะสม 2.4 หมื่นล้านบาท ปี 2021 SET +14%
▪ ปี 2025 ซื้อสะสม 3.4 หมื่นล้านบาท ปี 2026 SET +?%
รวมถึงผู้บริหารและนักลงทุนรายใหญ่ทยอยเก็บสะสมหุ้นเพิ่ม ปรากฎการณ์การทยอยสะสมดังกล่าว ในอดีตมักหนุนหุ้นให้ปีถัดไปฟื้นขึ้นได้เด่น
ส่วนวันนี้ TOPPICK ยังชอบ BDMS (ราคาหุ้นถูกกว่า ต้นทุนเฉลี่ยที่ผู้บริหารซื้อในปีนี้ 19.73 บาท มูลค่ารวม317 ล้านบาท และยังได้ประโยชน์ฝุ่นเยอะช่วงนี้), CPF (ราคาหุ้น ถูกกว่าต้นทุนที่บริษัทซื้อคืน 21.05 บาท มูลค่ารวม 749 ล้านบาท), AWC (รับกระแส SKYFLYERS หนุน LANDMARK ใหม่เมืองไทย)
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์