ทิศทางดอกเบี้ยขาลง ทั้งสหรัฐฯและไทย
HORIZON MARKET VIEW
• ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นต่อเนื่องราว +0.5% ถึง +0.7% ท่ามกลางความคาดหวังว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. นี้
• แม้ตลาดฯ จะมีความหวังกับทิศทางดอกเบี้ยขาลง แต่อาจต้องระวังประเด็น “YEN CARRYTRADE” ด้วยเช่นกัน หลังกระแสข่าวใน SOCIAL MEDIA เริ่มมีจำนวนมากขึ้น
• ภาพรวมเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจนสิ้นปี พร้อมกับความกังวลว่ารัฐบาลจีนน่าจะยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นใหม่ในเดือนสุดท้ายของปี เพราะเป้าหมายGDP 5% ใกล้บรรลุแล้ว (ตั้งแต่ 1Q68 – 3Q68 เศรษฐกิจจีนโต +5.2%YTD, คาด4Q68 โต 4.4%) ขณะที่ล่าสุดดัชนี PMI ของจีน เดือน พ.ย. 68 ออกมาต่ำคาด
• OPEC+ ยืนยันแผนหยุดเพิ่มการผลิตน้ำมันใน 1Q69 ท่ามกลางสัญญาณอุปทานล้นตลาดโลก
REGION RADAR
• ในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงเทศกาลช็อปปิ้งโดยหุ้นใน THEME GIFT &WINTER ที่คาดจะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่เทศกาลช็อปปิ้งและฤดูหนาว โดยสถิติย้อนหลังในอดีต 6 ปีที่ผ่านมา (2019-2024) พบว่าหุ้นเหล่านี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในเดือน ธ.ค. แนะนำเก็งกำไรESTEE80, BEI GY และ VFC US
• สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา (24-28 พ.ย.) หุ้นกลุ่มค้าปลีกสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้ดีในเทศกาล BLACK FRIDAY ซึ่งสอดคล้องไปตามสถิติย้อนหลัง 5 ปี โดย WALMART +4.93% และ COSTCO+1.62% ในสัปดาห์เทศกาล BLACK FRIDAY
THAI FOCUS
•เศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค. 68 อยู่ในทิศทาง "ฟื้นตัวแต่ยังเปราะบาง" แต่คาดมีมาตรการคลังที่จำเป็นต้องเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปี +ลุ้นให้ฤดูกาลท่องเที่ยว (HIGH SEASON) ในช่วงปลายปี สร้างรายรับเข้าประเทศมากพอที่จะดึงดุลบัญชีเดินสะพัดให้กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง
• สิ่งที่ต้องติดตาม คึอ การประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. 68 : เพื่อเคาะตัวเลข OUTLOOK GDP ส่งท้ายปี และประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายว่าจะ DOVISH หรือ HAWKISH
SYNAPSE STRATEGY ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาขาดดุลในเดือน ต.ค. 68
• เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลก ทรงๆ ตัว -0.1% แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -4% ถือว่าลงแรงเป็นอันดับ 6 ของโลก หลังจากถูกต่างชาติขายสุทธิมากสุดในตลาดหุ้นเอเชียใต้ -386 ล้านเหรียญ จากประเด็นการเมืองไม่นิ่ง และมีประเด็นน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่เข้ามา
• ส่วนเริ่มต้น เดือน ธ.ค. SET มีโอกาสค่อยๆ ดีขึ้น หลังย่อตัวลงมาลึกขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ลดแล้ว และราคาน้ำมันทยอยฟื้นช่วยหนุนอีกแรง TOPPICK เลือก TOP, AWC, ERW
HORIZON MARKET VIEW
ตลาดหุ้นดูอยู่ในโหมด WAIT & SEE
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นต่อเนื่องราว +0.5% ถึง +0.7% ท่ามกลางความคาดหวังว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. นี้ โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 90% แล้ว ขณะที่ปธน. ทรัมป์ยืนยันเลือกผู้ที่จะเป็นประธาน FED แล้ว โดยคาดว่าผู้ได้รับเลือกจะดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ยอย่างจริงจังซึ่งตัวเต็ง คือ เควิน แฮสเส็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาวแม้ตลาดฯ จะมีความหวังกับทิศทางดอกเบี้ยขาลง แต่อาจต้องระวังประเด็น “YEN CARRY TRADE” ด้วยเช่นกันหลังกระแสข่าวใน SOCIAL MEDIA เริ่มมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งFED กำหนดประชุมในวันที่10 ธ.ค. 68 คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย -25 BPS. ขณะที่ BOJ กำหนดประชุมในวันที่19 ธ.ค. 68 คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย +25 BPS. (ส่วนต่างดอกเบี้ย 2 ประเทศนี้แคบลง)
สำหรับในแง่มุมภาพรวมเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจนสิ้นปี พร้อมกับความกังวลว่ารัฐบาลจีนน่าจะยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นใหม่ในเดือนสุดท้ายของปี เพราะเป้าหมาย GDP 5% ใกล้บรรลุแล้ว (ตั้งแต่ 1Q68–3Q68 เศรษฐกิจจีนโต +5.2%YTD, คาด 4Q68โต 4.4%)ขณะที่ล่าสุดดัชนี PMIของจีน เดือน พ.ย. 68 ออกมาต่ำคาด รายละเอียดดังนี้
• PMI ภาคการผลิต ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 49.2 จาก 49.0 ในเดือนตุลาคม แต่ยังต่ำกว่า 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 49.4
• PMI ภาคนอกการผลิต ลดลงเหลือ 49.5 จาก 50.1 เข้าสู่ภาวะหดตัวครั้งแรกตั้งแต่เศรษฐกิจเปิดในปี2566 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 50.0
อีกประเด็นหนึ่ง คือ OPEC+ ยืนยันแผนหยุดเพิ่มการผลิตน้ำมันใน 1Q69 ท่ามกลางสัญญาณอุปทานล้นตลาดโลก ทั้งนี้ IEA คาดการณ์อุปทานล้นตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2569ขณะที่ GOLDMAN SACHSและ JPMORGAN มองว่าราคาน้ำมันจะลดลงต่อ อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันดิบอาจมีแรงผลัก หากประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทวีความรุนแรงขึ้น
REGION RADAR
THEME GIFT & WINTER หุ้นน่าสนใจประจำเดือน ธ.ค.
ในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงเทศกาลช็อปปิ้ง ซึ่งประกอบไปด้วยเทศกาล THANKSGIVING, BLACK FRIDAY,CYBER MONDAY และ CHRISTMAS โดยหุ้นใน THEME GIFT & WINTER ที่คาดจะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่เทศกาลช็อปปิ้งและฤดูหนาว ได้แก่ ESTEE LAUDER, BEIERSDORF และ VF CORPORATION โดยสถิติย้อนหลังในอดีต 6 ปีที่ผ่านมา (2019-2024) พบว่า ESTEE LAUDER ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 8% ขณะที่ BEIERSDORF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 ปีย้อนหลังสำหรับเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 2% และ VFCORPORATION ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 3%
แนะนำเก็งกำไร ESTEE LAUDER (DR: ESTEE80), BEIERSDORF (BEI GY) และ VF CORPORATION (VFCUS) โดยผลประกอบการไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งจากการเข้าสู่ช่วง HIGH SEASON และสถิติย้อนหลังในเดือน ธ.ค. ราคาหุ้นมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก
หุ้นกลุ่มค้าปลีกสหรัฐฯ มักปรับตัวขึ้นได้ดีช่วง BLACK FRIDAY
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา (24-28 พ.ย.) หุ้นกลุ่มค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ดีในเทศกาล BLACK FRIDAY ซึ่งสอดคล้องไปตามสถิติย้อนหลัง 5 ปีในอดีตที่พบว่าหุ้นค้าปลีกสหรัฐฯ อาทิ WALMART และ COSTCO ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกปีในช่วงสัปดาห์ BLACK FRIDAY และสำหรับปี 2025 WALMART +4.93% และCOSTCO +1.62% ในสัปดาห์เทศกาล BLACK FRIDAY
THAI FOCUS
แม้น้ำท่วมหาดใหญ่ อาจกดดันเศรษฐกิจ แต่มีนโยบายการเงิน-คลังมาพยุงช่วยท้ายปี
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือนต.ค.68 แสดงสัญญาณการฟื้นตัวในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายจากตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับมาติดลบ และความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ที่ต้องจับตามอง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สัญญาณบวก : แรงขับเคลื่อนจากท่องเที่ยวและการบริโภค จากข้อมูล ธปท. พบว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนหลัก จากภาคการท่องเที่ยว เติบโตอย่างโดดเด่น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง +11.0% จากMOM และการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว +1.3%MOM สะท้อนถึงกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
จุดที่น่ากังวล : ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกขาดดุล พลิกกลับมา ขาดดุล ที่ระดับ -1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ(ประมาณ -6 หมื่นล้านบาท) สาเหตุหลักมาจากดุลบริการ ที่ขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ และดุลการค้าที่แม้จะยังเป็นบวก แต่ก็เกินดุลเพียงเล็กน้อยที่ 0.8 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะชดเชยการขาดดุลในภาคบริการส่วนอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่แทรกเข้ามา คือ สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ โดยผลกระทบต่อ GDP พื้นที่เหล่านี้มีสัดส่วนคิดเป็น 2.6% ของGDP ประเทศ และในเชิงผลกระทบต่อท่องเที่ยว ที่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเดินทางเข้ามาเฉลี่ยวันละ10,000 คน ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมอาจทำให้ตัวเลขนี้สะดุดลงชั่วคราว
ดังนั้นเศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค. 68 อยู่ในทิศทาง "ฟื้นตัวแต่ยังเปราะบาง" แต่คาดมีมาตรการคลังที่จำเป็นต้องเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปี + ลุ้นให้ฤดูกาลท่องเที่ยว (HIGH SEASON) ในช่วงปลายปี สร้างรายรับเข้าประเทศมากพอที่จะดึงดุลบัญชีเดินสะพัดให้กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งสิ่งที่ต้องติดตาม คึอ การประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. 68 : เพื่อเคาะตัวเลข OUTLOOK GDP ส่งท้ายปี และประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายว่าจะ DOVISH หรือ HAWKISH
SYNAPSE STRATEGY
SET น่าจะฟื้นตามลำดับได้ หลัง เดือน พ.ย. ถูกกดลึกเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลก ทรงๆ ตัว -0.1% แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -4.4% ถือว่าลงแรงเป็นอันดับ 6
ของโลก
หลังจากถูกต่างชาติขายสุทธิมากสุดในตลาดหุ้นเอเชียใต้ -386 ล้านเหรียญ (หรือ -1.25 หมื่นล้านบาท) จากประเด็นการเมืองไม่นิ่ง และมีประเด็นน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่เข้ามา
ส่วนเริ่มต้น เดือน ธ.ค. SET มีโอกาสค่อยๆ ดีขึ้น หลังย่อตัวลงมาลึก ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ลดแล้วและราคาน้ำมันทยอยฟื้น ช่วยหนุนอีกแรง ส่วนหุ้นเด่นแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยหนุน หุ้นอิงราคาน้ำมันฟื้น อย่างPTTEP, TOP หุ้นท่องเที่ยว หลังสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ค่อยๆ ดีขึ้น อย่าง AOT, ERW และหุ้นที่ชอบที่สุดคือ AWC เปิดตัว SKYFLYERS ในวันที่ 29 พ.ย. ชมวิชูกรุงเทพ 360 องศา ถือเป็น MANMADE แม่เหล็กดูดนักท่องเที่ยวใหม่ เทียบเคียงตอนเปิดตัวหุ้นขึ้น 22% จาก 2.02 บาท เป็น 2.5 บาท ใน 2 -3 สัปดาห์ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 1.92 บาท
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์