Today’s NEWS FEED

News Feed

NER โดดเด่น 7 โบรกฯ มั่นใจแนวโน้มโตตามเป้า

60

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) 

คงคำแนะนำ “ซื้อ” 6.25         

เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q25 จะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3Q25 ได้หลังมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น จากผลดีของการเซ็นสัญญา รับจ้าง กยท. ผลิตยางแท่ง รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าในช่วย 2H25 จะจ่ายอีกประมาณ 0.35 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 8% ด้านผลประกอบการงวด 3Q25 มีกำไรสุทธิ 327 ล้านบาท (-10%YoY) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 53%YoY สำหรับความคืบหน้าการสร้างโรงงานใหม่ ล่าสุดผู้บริหารตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างแล้วหลังจากที่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าอินเดียและ กยท. เข้ามา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 26

กำไรสุทธิในช่วง 9M25 คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำไรสุทธิในปี 25 ที่เราประมาณไว้ และจากแนวโน้มในช่วง 4Q25 ที่คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นเราจึงยังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อนที่ 1,863 ล้านบาท (+13% YoY) โดยยังไม่รวมเงินประกันเหตุไฟไหม้ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 180 ล้านบาท และเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.25 บาท (6.2XPER'25E)

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

NER กำไรปกติใกล้เคียงคาด เป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 6.20 บาท

รายงานกำไรปกติ 3Q25 ที่ 339 ลบ. (-30.8% QoQ, +53.0% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 327 ลบ. เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอนุพันธ์และค่าใช้จ่ายจากอัคคีภัยรวม 47 ลบ. มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 38 ลบ. รายได้หลักอยู่ที่ 6,727 ลบ. ลดลง 11.3% QoQ  จาก ASP ที่ลดลง 12.0% QoQ เป็น 59.8 บาท/กก. แต่รายได้เพิ่มขึ้น 9.1% YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 14.7% YoY และ ASP เพิ่มขึ้น 5.6% YoY โดยปริมาณขายอยู่ที่ 1.12 แสนตัน (คาด 1.15 แสนตัน) GPM อยู่ที่ 8.9% ลดลงจาก 10.5% ใน 2Q25 ตามราคาขายที่ลดลงมาก QoQ  แต่ดีขึ้นจาก 8.3% ใน 3Q24 ตาม ASP ที่ดีกว่าเล็กน้อย งบดุลยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ DE Ratio อยู่ที่ราว 1.2 เท่า ใกล้เคียงกับ 2Q25  

  • แนวโน้มกำไร 4Q25 คาดเติบโต QoQ จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นที่ราว15 – 1.20 แสนตัน เพื่อให้ปริมาณขายเป็นไปตามเป้าที่ 4.7 แสนตันสำหรับทั้งปี 2025 นอกจากนี้ ASP คาดว่าจะปรับขึ้นได้เล็กน้อย QoQ อย่างไรก็ตามคาดกำไรลดลง YoY เพราะมีฐานที่สูง เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาขายเริ่มปรับขึ้นชัดเจนและ 4Q24 ปริมาณขายสูงถึง 1.36 แสนตัน คาดกำไรสุทธิเบื้องต้นที่ 400 ลบ.+/-
  • กำไรปกติ 9M25 อยู่ที่ 1,422 ลบ. (+6% YoY) คิดเป็นสัดส่วน78% จึงยังคงประมาณการและคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อยู่ที่ 6.20 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER25 ต่ำเพียง 4.9 เท่า และคาดเงินปันผล 2H25 ที่ 0.31 บาท ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.5% คงคำแนะนำซื้อ

 

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

  • เรายังคงคำแนะนำ Buy TP 10 น. โดยมีมุมมอง “Positive” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์ฯ เนื่องจากผู้บริหารยังคงเป้าปริมาณการขายปี 2025F ที่ 470,000 ตัน และคาดบันทึกค่าเคลมประกันเพิ่มอีก 180-200 ลบ. ใน 4Q25F รวมถึงแนวโน้มปี 2026F คาดปริมาณการขายจะขยับขึ้นเป็น 500,000 ตัน (+6%) จากลูกค้าใหม่ในอินเดียและการผลิตให้ กยท. เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทคาดจะสร้างโรงงานใหม่แล้วเสร็จและสามารถผลิตได้ 4Q26F หนุนการเติบโตในระยะกลาง ขณะที่ Valuation ยังถูก Forword PE เพียง 4.3 เท่า (-1SD) และเป็นหุ้นปันผลสูง 8-9%/ปี
  • ผู้บริหารคงเป้าปริมาณการขายปี 2025F ที่ 470,000 ตัน (+7% y-y) คาดบันทึกค่าเคลมประกันราว 180-200 ลบ. ใน 4Q25F
  • ปี 2026F คาดปริมาณการขายราว 500,000 ตัน ปัจจัยหนุนจากลูกค้าใหม่จากอินเดีย และการผลิตให้ กยท. ราว 15,000 ตัน/เดือน
  • Upside โรงงานใหม่ กำลังการผลิต 300,000 ตัน แล้วเสร็จ 4Q26F (จากเดิมที่คาดว่าจะสร้างในปี 2025F) - หนุนการเติบโตในระยะกลาง ช่วงแรกคาดผลิต 100,000 ตัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและค่อยๆ ramp up กำลังการผลิตขึ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด  

  • KTX คงคำแนะนำ Outperform ด้วยมูลค่าเหมาะสมปี 2025 ที่ 5.38 บาท อิงอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 20.7% สะท้อน PER เป้าหมายที่ 4.8 เท่า Valuation Metrics บ่งชี้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ขณะที่การเติบโตของกำไรมีความสม่ำเสมอ และมุมมองเชิงเทคนิคอยู่ในระดับปานกลาง
  • ปัจจัยกดดันด้านราคายางที่ลดลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วง 4Q25E ขณะที่
    ปี 2026 เรามองว่าสภาพอากาศมีโอกาสเอื้อให้ราคายางปรับตัวขึ้น
  • NER รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 327 ล้านบาท (−10% YoY, −41% QoQ) ต่ำกว่าคาดของ Bloomberg Consensus ราว 8%
  • รายได้ 3Q25 อยู่ที่ 7 พันล้านบาท (+9% YoY, −11% QoQ) ผลักดันโดยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นราว 15% YoY และทรงตัว QoQ สู่ระดับ 112,439 ตัน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยลดลง 5% YoY และ 12% QoQ ตามแนวโน้มขาลงของราคายาง
  • GPM อยู่ที่ 9% โดยขยายตัวขึ้นจาก 8.3% ใน 3Q24 แต่ลดลงจาก 10.5% ใน 2Q25 สะท้อนราคาขายที่ลดลง
  • ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ ควบคุมได้ดีที่ 1% เทียบกับ 2.9% ใน 3Q24 และ 2.0% ใน 2Q25
  • กำไร 9M25 คิดเป็น 73% ของคาดการณ์กำไรปี 2025E ของเรา โดยเรามองเห็น Downside risk เล็กน้อยต่อประมาณการของเรา
  • แนวโน้ม 4Q25E มีโอกาสฟื้นตัว QoQ โดยแรงกดดันจากราคายางขาลงและเงินบาทที่แข็งค่าน่าจะทุเลาลง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโอกาสรับรู้ค่าชดเชยสินไหมจากเหตุการณ์ไฟไหม้เพิ่มเติม

 

บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

รายงานกำไร 3Q68 อ่อนตัว y-y และ q-q จากราคาขายเฉลี่ยลดลง ตามราคายางในตลาดโลก ขณะที่ปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้น y-y สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้น y-y จากผลขาดทุนจากเหตุ ไฟไหม้ โรงงานบริเวณโกดังเก็บสินค้ายางพารา ราว 33 ล้านบาท นอกจากนี้คาดกำไรปี 68 ขยายตัว y-y หนุนจากคำสั่งซื้อล่วงหน้า และแนวโน้ม Demand ที่เร่งตัวขึ้น นอกจากนี้คาดรับปัจจัยบวกจาก การรับเงินชดเชยประกันจากเหตุไฟไหม้ที่ครอบคลุมค่าเสียหายใน 4Q68 แนะนำ ให้ซื้อที่ราคาพื้นฐาน 5.15 บาท

  • 3Q68 กำไรอ่อนตัว y-y และ q-q : รายงานกำไร 3Q68 อ่อนตัว y-y และ q-q จากราคาขายเฉลี่ย

 ลดลงตามราคายางในตลาดโลก ขณะที่ปริมาณขาย เท่ากับ 112,439 ตัน (+14.73% y-y) ส่งผลให้รายได้จากการขาย เติบโต 9.15% y-y สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร เท่ากับ 90 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 18.59% y-y จากผลขาดทุนจากเหตุไฟไหม้ โรงงานบริเวณโกดังเก็บสินค้ายางพารา โดย มูลค่าความเสียหายตามบัญชีเท่ากับ 152 ล้านบาท บริษัทได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันในไตรมาสนี้ราว 119 ล้านบาทส่งผลให้ขาดทุนสุทธิราว 33 ล้านบาท

  • คาดกำไรปี 68 โต y-y: คาดกำไรปี 68 ขยายตัว 23% y-y หนุนจากคำสั่งซื้อล่วงหน้า และแนวโน้มDemand เร่งตัวขึ้นตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยางล้อจีน นอกจากนี้เราคาดรับปัจจัยบวกจากการรับเงินชดเชยประกันจากเหตุไฟไหม้ที่ครอบคลุมค่าเสียหายใน 4Q68 แนะนำซื้อที่ราคาพื้นฐาน 5.15บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

  • กลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้นยังคงแนะนำ Neutral เพราะมีจุดเด่นที่ปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไร 2H68 หุ้นละ 0.33 บาท คิดเป็น Yield สูงราว 8% ขณะที่แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี Upside 20% จากราคาเป้าหมายปี 2569 ที่หุ้นละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 2 ครั้งในเวลาที่เหลืออีก 7 เดือน พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER 3 ปีย้อนหลังล่าสุดที่ 5.5 เท่า) แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอยู่ที่มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐซึ่งยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับรายการสินค้าที่ถูกจัดเก็บและสัดส่วน Local Content ที่จะถูกนำมาพิจารณาในเกณฑ์ภาษี ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและคำสั่งซื้อในระยะถัดไป ทำให้ Risk/Reward ยังไม่คุ้มค่าสำหรับซื้อลงทุนใหม่ในช่วงสั้น
  • ผู้บริหาร NER คงเป้าปริมาณขายยางปีนี้ที่ 4.7 แสนตัน (+7%YoY) โดย 4Q68 คาดยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นจะดีกว่า 3Q68 เพราะราคาขายยางเริ่มดีขึ้น หลังรัฐบาลเข้ามาดูแลราคายางและพ้นช่วงที่ผู้ประกอบการแย่งกันขายจากกังวลภาษีนำเข้าสหรัฐซึ่งกดดันให้มีการแข่งขันด้านราคาสูง อีกทั้งคาดจะมีการรับรู้ยอดผลิตยางให้แก่ กยท. ราว 3 หมื่นตันในช่วง พ.ย.-ธ.ค. นี้ ส่วนเหตุไฟไหม้ที่โรงเก็บสินค้าคาดจะมีการบันทึกค่าสินไหมชดเชยเพิ่มอีกราว 200 ลบ. ในช่วง 4Q68-1Q69 ซึ่งบริษัทจะนำเงินค่าชดเชยที่ได้ไปสร้างโรงเก็บสินค้าใหม่ ขณะที่แผนขยายโรงงานแห่งที่ 3 คาดจะเริ่มสร้างต้นปีหน้าและดำเนินการผลิตได้ใน 3Q69 ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับคำสั่งผลิตยางให้แก่ กยท. ปีละ 2.0 แสนตัน เป็นเวลา 5 ปี หลังมีการเซ็น MOU กันไปในช่วง ต.ค. ที่ผ่านมา

 

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

  • NER รายงานกำไรปกติ 3Q25 (ไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษและเงินเคลมประกันจากเหตุการณ์ไฟไหม้ รวมถึงกำไรอยู่ที่ 339 ล้านบาท (+53% YoY, -31% QoQ) ต่ำกว่าเราประเมิน -20% โดยมีปัจจัยสำคัญ ดังนี้
  • รายได้ขยายตัว +9% YoY แต่ลดลง -11% QoQ โต YoY จากฐานต่ำใน 3Q24 ที่ปริมาณวัตถุดิบได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ขณะที่อ่อนตัว QoQ จากราคายางปรับตัวลง

2)  GPM ดีขึ้น +60bps YoY แต่ชะลอ -160bps QoQ ปรับตัวดีขึ้น YoY เป็นไปตามปริมาณขายสูงขึ้น

แต่ปรับตัวลง QoQ กดดันโดยราคาขายเฉลี่ยลดลง -12% QoQ  เราปรับกำไรปกติปี 2025E/26E ลง -7%/-6% เป็น 1.8 พันล้านบาท/1.9 พันล้านบาท (+8% YoY/+3% YoY) จากการปรับสมมติฐาน GPM ลงเพื่อสะท้อนทิศทางราคายางอ่อนตัว สำหรับ 4Q25E เบื้องต้น คาดการณ์กำไรปกติจะกลับมาอ่อนตัว YoY จากผลกระทบราคายางชะลอ แต่ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ อานิสงส์ปัจจัยฤดูกาล

  • คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 4.70 บาท (เดิม 5.00 บาท) อิง 2026E PER 7x (-1SD below 5-yr average PER) ตามการปรับประมาณการลง ทั้งนี้เราคงมุมมองระมัดระวังหลังราคายาง ยังอ่อนตัว -15% YTD ขณะที่ระยะสั้นขาด catalyst ใหม่โดยโรงงานแห่งใหม่คาดจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้เร็วสุดใน 4Q26E

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: DELTA ทุ่ม 3,402 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่

DELTA เคาะงบราว 3,402 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู...

PTG มอบน้ำมันเชื้อเพลิง 3 หมื่นลิตรให้กองทัพภาคที่ 4 หนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

PTG มอบน้ำมันเชื้อเพลิง 3 หมื่นลิตรให้กองทัพภาคที่ 4 หนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

กลุ้มใจ By : แม่มดน้อย

โอมมะลึกกึ๊กกึ๋ยย์ มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์.........เพี้ยง แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้