Today’s NEWS FEED

News Feed

เอสซีจี เดินหน้า "Regional Optimization" ดันเวียดนามเป็นฐานผลิต - บริโภคในประเทศ - ส่งออกตลาดโลก ชูศักยภาพ LSP และ BMP เสริมแกร่งธุรกิจโตในอาเซียน ควบคู่สังคมและสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

32

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 พฤศจิกายน 2568 )-----เอสซีจี รุกกลยุทธ์ "Regional Optimization" ผลักดันเวียดนามให้เป็นฐานการผลิต เพื่อรองรับการบริโภคในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก พร้อมโชว์ศักยภาพ Long Son Petrochemicals (LSP) คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม และ Binh Minh Plastics (BMP) ผู้ผลิตท่อและข้อต่อพลาสติกพรีเมียมชั้นนำ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเอสซีจีในอาเซียน ควบคู่ไปกับความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายกุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ผู้อำนวยการเอสซีจี ประจำประเทศเวียดนาม และรองผู้จัดการใหญ่ เอสซีจีซี กล่าวว่า "Regional Optimization คือกลยุทธ์การบริหารธุรกิจแบบบูรณาการทั่วอาเซียน โดยผสานจุดแข็งของแต่ละประเทศร่วมกัน ทั้งฐานการผลิต ทรัพยากร และศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน การตลาด และความยั่งยืน ปัจจุบันเอสซีจีมีการดำเนินงานตามกลยุทธ์นี้ในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญต่อความแข็งแกร่งของเอสซีจีและบริษัทในเครือ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว"

เวียดนาม: ฐานการผลิตและตลาดยุทธศาสตร์ของเอสซีจี

เวียดนามถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ของเอสซีจี ด้วยปัจจัยเด่นหลายด้าน ทั้งตลาดในประเทศที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคน การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้ และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนและการส่งออก โดยในปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 7.1% มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross Domestic Product) หรือ GDP อยู่ที่ 4.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า 3.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวต่อว่า "ปัจจุบัน เอสซีจีและบริษัทในเครือ 28 แห่ง ได้ลงทุนในเวียดนามรวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 28% ของสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ครอบคลุมธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์ทั่วประเทศ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการได้ อีกทั้งยังสามารถผสานจุดแข็งระหว่างไทยและเวียดนามเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น

    การถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยี มาตรฐานความปลอดภัย และการบริหารโรงงานจากไทยสู่เวียดนาม
    การใช้เวียดนามเป็นฐานการส่งออก ด้วยความได้เปรียบด้านข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับกว่า 60 ประเทศ เช่น ส่งออกกระเบื้อง Glazed Porcelain ของ PRIME GROUP และซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปยังสหรัฐอเมริกา
    การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค เช่น ธุรกิจเคมิคอลส์ สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกันระหว่าง Cracker ทั้ง 3 แห่ง (ROC–MOC–LSP) เพื่อให้ไทยมุ่งผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ขณะที่ LSP มุ่งผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองตลาดขนาดใหญ่ในเวียดนามและส่งออกสู่ตลาดโลก" 

 

Long Son Petrochemicals (LSP) คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม 

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวว่า "สถานการณ์ปิโตรเคมียังคงมีความผันผวนและท้าทายจากอุปทานส่วนเกิน ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เอสซีจีซียังคงเดินหน้าและเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือความท้าทายต่าง ๆ โดยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและชูจุดแข็งสำคัญ อาทิ การมีฐานผลิต 3 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยมี LSP เป็นคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันระยะยาวในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับเอสซีจีซีมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความยืดหยุ่นของ LSP ทำให้สามารถเลือกใช้วัตถุดิบทั้งแนฟทาและก๊าซโพรเพน (Flexible Feedstock) ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่น ในช่วงนี้ที่ราคาก๊าซโพรเพนลดต่ำลงกว่าแนฟทา โรงงาน LSP สามารถปรับแผนการผลิตด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบก๊าซโพรเพนเป็น 70% เพื่อบริหารต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน"

"นอกจากนี้ โรงงาน LSP ยังได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงและองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ จากประเทศไทยมาต่อยอดและพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น หอเผาไร้ควัน (Enclosure Ground Flare) ขนาดใหญ่แห่งแรกในเวียดนาม เพื่อกำจัดก๊าซจากกระบวนการผลิตได้อย่างปลอดภัย การใช้ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง และเทคโนโลยีลดมลพิษทางอากาศ มุ่งสู่ต้นแบบโรงงานเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน"

"สำหรับความคืบหน้าของโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP (โครงการ LSPE) ขณะนี้ ยังเดินหน้าต่อเนื่องตามแผน โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน จำนวน 2 ถัง และปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อรองรับก๊าซอีเทน ซึ่งดำเนินการคืบหน้าไปแล้วกว่า 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2570" นายกุลเชฎฐ์ กล่าวเพิ่มเติม

 

Binh Minh Plastics (BMP) ผู้นำตลาดท่อและข้อต่อพลาสติกพรีเมียม ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมรับการเติบโตของประเทศเวียดนาม

นอกเหนือจากธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศเวียดนามแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีซี คือ ธุรกิจท่อและข้อต่อพลาสติก ภายใต้บริษัท บิ่นมินห์ พลาสติก (Binh Minh Plastics : BMP) ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ประเทศเวียดนาม โดยมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 2,500 ราย

นายนิวัฒน์ อธิวัฒนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMP กล่าวว่า "เวียดนามอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างมีปริมาณความต้องการและมีอัตราการเติบโตสูง โดย BMP มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายท่อและข้อต่อพลาสติกเกรดพรีเมียม สำหรับใช้งานในกลุ่มที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเกษตรกรรม อาทิ ระบบประปา ระบบระบายน้ำ โทรคมนาคม และการก่อสร้าง 

 

นอกจากนี้ BMP ยังได้ร่วมมือกับบริษัทนวพลาสติกอุตสาหกรรม (NPI) ประเทศไทย ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโรงงานด้วยระบบ Automation & Robotics ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ "สีเขียว" ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสากล จึงช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าให้เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก โดยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มตลาดใหม่ และพร้อมขยายการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน"

 

มุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เอสซีจีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG 4 Plus ในเวียดนาม โดยประยุกต์ความเชี่ยวชาญจากไทยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว

    ด้านสิ่งแวดล้อม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกธุรกิจ เช่น ปูนคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองกระแสกรีนในเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ
    ด้านสังคม จัดทำโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน เช่น โครงการ Sharing the Dream ที่มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องเกือบ 20 ปี รวมกว่า 6,000 ทุน และโครงการ Loving Water for the Future ที่ช่วยติดตั้งท่อส่งน้ำสะอาดให้ครัวเรือนในพื้นที่ห่างไกลกว่า 1,500 ครัวเรือน
    ด้านบุคลากร มุ่งพัฒนาพนักงานกว่า 15,000 คน ผ่าน SCG Academy และโปรแกรมพัฒนาผู้นำ เช่น Management Enrichment Program ที่ร่วมกับ Duke University เพื่อสร้างผู้นำที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต" 

 

"เราเชื่อมั่นว่า เวียดนามยังมีศักยภาพที่จะเติบโต และเราภูมิใจที่ได้ร่วมเดินบนเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างไทย – เวียดนาม ซึ่งจะยิ่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียนโดยรวม ซึ่งการลงทุนใน LSP และ BMP เป็นตัวอย่างที่สะท้อนศักยภาพของเอสซีจีในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทาย และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมที่แข่งขันได้และยั่งยืน" นายกุลเชฏฐ์ กล่าวปิดท้าย

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไม่ผ่าน By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ คนไทย ไม่ทิ้งกัน หลายหน่วยงาน ระดมช่วย ผู้ประสบภัย น้ำท่วมที่หาดใหญ่ และก็มี สตูล ก็เจอ....

NER พบนักวิเคราะห์และนักลงทุน ประจำไตรมาส 3 /2568

NER พบนักวิเคราะห์และนักลงทุน ประจำไตรมาส 3 /2568

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้