Market Wrap-Up

• SET วันที่ 24 พ.ย.68 ปิด -1.67 จุด อยู่ที่ 1,252.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,791 ลบ. ต่างชาติขาย 1,135 ลบ. สถาบันขาย 307 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 190 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,252 บาท NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,719 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,DELTA,BDMS,MINT,PTTEP และยอดขายหุ้น PTT,SCB,BBL,GULF,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,416 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CNSEMI23,CNROBOAI23,JMART โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 14,915 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 59,787 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,464 ลบ.

 Market View

• DJIA +0.44%, S&P500 +1.55%, Nasdaq +2.69% นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร +3.94%, เทคโนฯ +2.49% จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 เช่น Nvidia+2% และ Alphabet +6.3% ตอบรับข่าวการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ Gemini 3.0 กอรปกับผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์, ปธ.เฟดสาขานิวยอร์ค & ซานฟราน ฯ หนุนให้เฟดลดดอกเบี้ย โดย CME FedWatch ชี้มีโอกาส 80.9% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ขณะที่วานนี้ ปธน.ทรัมป์ได้หารือกับ ปธน.สี จิ้นผิงทางโทรศัพท์ ในหลายประเด็นเช่น สงครามรัสเซีย & ยูเครน, สารเฟนทานิล, การสั่งซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐ รวมถึงสถานะไต้หวัน โดย ปธน.สี จิ้นผิงได้เชิญ ปธน.ทรัมป์เยือนจีนในช่วง เม.ย. ปีหน้า ซึ่งช่วยลดปัญหาสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้วันนี้ติดตาม ยอดค้าปลีก, US PPI, ดัชนีราคาบ้าน ก.ย.และ CB เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย./ วันพฤหัสปิดในวันหยุด Thanksgiving
• Stoxx600 ยุโรป +0.14% ได้แรงหนุนจากกลุ่เทคโน ฯ +1.4% นำโดย ASML+3.1%, Infineon +3% จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว & ทรัพยากรพื้นฐาน +1.9%, วัสดุก่อสร้าง +1.5% และยานยนต์ยุโรป +1% ขณะที่กลุ่มกลาโหม -2.1% หลังสหรัฐพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันพุธนี้รัฐสภาอังกฤษจะพิจารณางบประมาณประจำปี ซึ่งคาดจะมีการปรับขึ้นภาษีหลายหมื่น ล.ปอนด์ เพื่อเลี่ยงแรงขายขายพันธบัตร และยังสามารถเพิ่มสวัสดิการ
• ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็ง +1.97% ได้แรงหนุนจากหุ้น Alibaba +5.3% หลังยอดดาวน์โหลต Chat Bot ของ Qwen เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10 ล.ครั้ง ส่วน com +2% หลังธุรกิจเทคโนโลยีซัพพลายเชนของบริษัทเตรียมเสนอชาย IPO ในฮ่องกง นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการประชุมของ Central Economic Work Conference ในเดือนหน้า เพือจับสัญญาณนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของจีน ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.05% รับข่าวบวก Nvidia สามารถส่งออกชิปรุ่น H200 มาขายในตลาดจีน ขณะที่ Kospi เกาหลีใต้ -0.19% จากแรงขาย SK Hynix -0.19%, Hyundai Motor -0.77% และ LG Energy Solution ผู้ผลิตแบตเตอรี่ -3.1%
• SET วานนี้ -0.13% ปริมาณการซื้อขาย 17 หมื่น ลบ.ต่างชาติขาย 1,135 ลบ. สถาบันขาย 307 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 190 ลบ.และรายย่อยซื้อ 1,252 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, อาหาร, โรงพยาบาล และขนส่ง หลังวานนี้ MSCI ได้ทำการรีบาลานท์รายไตรมาส ซึ่งมีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมูลค่าราว $80 ล. ตาม Market Cap.ของตลาดหุ้นไทยที่ลดลดง กอปรยังรอประเมินท่าทีของเฟดว่าจะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. หรือไม่ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศนั้น นายก ฯ อนุทินอาจยุบสภา ฯ ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. หากพรรคเพื่อไทยมีการยืนญัตติอภิปรายไม่วางใจรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลจะต้องเร่งการเบิกจ่าย ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น ม.คนละครึ่งพลัสเฟส 2 และวานนี้ ครม.เศรษฐกิจได้เห็นชอบโครงการ Thailand Fast Pass ขอ BOI สนับสนุนการลงทุน 80 โครงการในช่วงปี 68 - 70 มูลค่ารวม 4.8 แสน ลบ.ส่วนภาวะการซื้อขายเช้านี้ดัชนี SET คาดมีโอกาสฟื้นตัว หลังตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ส่งผลให้ความผันผวนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง กอปรกับปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มดีขึ้น หลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ ก.พาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกไทย ต.ค.คาด +6.5% & ก.ย. +19.0% YoY   

 

   Daily Strategy

• ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,250 แนวต้าน 1,260 – 1,270 คาดดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังดัชนีหุ้นต่างประเทศผันผวนน้อยลง และยังรอการผลประชุมเฟดวันที่ 10 ธ.ค.แนะนำซื้อเก็งกำไร HMPRO,DOHOME,GLOBALจากงบซ่อมแซมช่วงภัยน้ำท่วม / กลุ่มท่องเที่ยว AOT,BA,MINT,ERW ในช่วง High Season/ กลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,KTC,TISCO,KKP,TCAP หาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยในวันที่ 17 ธ.ค.
• TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) แนวโน้ม4Q68 คาดกำไรปกติกลับมาฟื้นตัว QoQ ตาม run rate หลังผ่านช่วงการปิดซ่อมบำรุงตามแผน ขณะที่ crack spread ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Gasoline / Jet / Diesel ปรับตัวดีขึ้นมากเพราะความกังวลอุปทานตึงตัวจากรัสเซียและการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นหลายแห่งก่อนเข้าฤดูหนาว โดยเราประเมินกำไรในปี 68-69 ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท +53%YoY และ 1.09 หมื่นล้านบาท -29%YoY ตามลำดับ โดย valuation ปัจจุบันยังไม่แพงคาดหวัง Div.Yield ในระดับที่ดีเฉลี่ยราว 5-6% ต่อปี

PYLON* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.09บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 62 ลบ. +360%YoY +6%QoQ ตามรายได้ที่เติบโต +30%YoY จากการส่งมอบงาน MRT สายสีส้ม, เวิ้งนครเกษม, Ritz Carton Lhong ฯลฯ ส่วน GPM ก็ดีขึ้นที่ 26% จาก 12% ใน 3Q67เนื่องจากประมูลงานได้ราคาดีขึ้นจากการที่คู่แข่งรายใหญ่ถอนตัวและการเพิ่มสัดส่วนให้บริการ diaphragm wall ที่ให้ margin สูง ด้านแนวโน้มกำไร 4Q68 คาดว่าจะดีต่อเนื่องโดยมี backlog พร้อมรองรับถึงปี 69 ที่ 1,659 ลบ. ปัจจุบัน Consensus คาดกำไรปี68 และ 69 ของ PYLON* ที่ 201ลบ.(จาก 0.5 ลบ.ในปี67) และ 205ลบ.+2%YoY

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ม.ค.+$0.78 อยู่ที่ $58.84 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.81 อยู่ที่ $63.37/บาร์เรล จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. และรอดูการเจรจายุติสงครามรัสเซีย & ยูเครน

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$14.70 อยู่ที่ $4,094.20 /ออนซ์ หลังคณะกรรมการเฟด 3 ท่านหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +140.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -34.91 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +188.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -13.84 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.035 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +20 อยู่ที่ 2,295

(+) BitCoin เช้านี้ +1.15% อยู่ที่ 88,053 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 Economic Calendar

 

ในประเทศ

28 พ.ย.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

25 พ.ย.     US ดัชนียอดขายปลีก (ก.ย.)

                US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)

                US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (พ.ย.)

26 พ.ย.     US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3) 

US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ก.ย.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

27 พ.ย.     US วันหยุด - วันขอบคุณพระเจ้า 

28 พ.ย.     US ปิดทำการก่อนกำหนด ณ เวลา 13:00 - วันขอบคุณพระเจ้า 

 

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

 

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

 

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

 

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

 

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

 

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

 

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

 

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, BDMS, ADVANC, SHR*, TOP