สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 21 พฤศจิกายน 2568 )------- บลจ.เอ็มเอฟซี คว้ารางวัล "บลจ.ดีเด่น" 2 ปีซ้อน ประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มหน่วยงานทุกประเภท Single Fund หรือ Pooled Fund" และรางวัลรองชนะเลิศประเภท"Pooled Fund ทุกขนาดกองทุน" ประจำปี 2568 จากการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประจำปี 2568 ขณะที่ผลงาน 9 เดือนปีนี้ มูลค่า AUM เฉียด 1.3 แสนล้านบาท โตโดดเด่น 17.24% พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพการบริหารจัดการ เพื่อการลงทุนยั่งยืน
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า MFC ประสบความสำเร็จอีกครั้งจาก “รางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดีเด่น ประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มหน่วยงานทุกประเภท Single Fund หรือ Pooled Fund รับโล่รางวัลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้รับรางวัลซ้อนเป็นปีที่ 2 และรางวัลรองชนะเลิศ ประเภทกองทุนร่วม (Pooled Fund) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่จัดการกองทุนร่วม (Pooled Fund) ทุกขนาดกองทุน” จาก “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเอ็มเอฟซี มาสเตอร์ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว” ได้รับโล่รางวัลกระทรวงการคลัง จากการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ครั้งที่ 13 ประจำปี 2568 จัดโดยสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
“รางวัลที่ได้รับ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ MFC และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมาย 3-5 ปีข้างหน้า เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เน้นผลประโยชน์สูงสุดของสมาชิก และเป็น Top 3 ในอุตสาหกรรม" นายธนโชติ กล่าว
ด้านนายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด สายการขายและการตลาด บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กุญแจสำคัญที่ MFC ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มาจากการผสมผสานของ “ผลการลงทุนที่ดี ทีมงานมืออาชีพ และการยึดมั่นในหลักการลงทุนอย่างยั่งยืน” ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่า Benchmark อย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับที่ลูกค้าพึงพอใจ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการลงทุนคอยบริหารพอร์ตอย่างใกล้ชิด โดยไม่เพียงมองแค่ตัวเลขผลตอบแทน แต่ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการลงทุนตามหลัก ESG คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ “การบริการแบบครบวงจร” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทั้งด้านข้อมูล เครื่องมือการให้ความรู้แก่สมาชิก ให้การสื่อสารที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านรางวัลระดับนานาชาติจากงาน Best of the Best Awards 2025 ที่ MFC ได้รับทั้ง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Asset Management Company (บริษัทจัดการยอดเยี่ยมในไทย) รางวัล Best Investor Education (บลจ.ที่ส่งมอบความรู้แก่นักลงทุนได้ดีที่สุด) และรางวัลBest Member Communications (การสื่อสารกับสมาชิกยอดเยี่ยม)
นายเกษตร กล่าวว่า ภาพรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการของ MFC ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตโดดเด่น มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) อยู่ที่ 129,867.16 ล้านบาท เติบโตประมาณ 17.24% ซึ่งคาดว่าแนวโน้มทั้งปีนี้ AUM น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบันและอาจจะมีการขยับเพิ่มขึ้น หากภาวะการลงทุนในช่วงสุดท้ายของปีไม่ผันผวนรุนแรง
โดย MFC ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในภาวะตลาดปัจจุบันแบบระมัดระวัง ให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงหาโอกาสในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ ส่วนการลงทุนในหุ้น ต้องมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดดี ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และพร้อมเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและมีความหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป รวมทั้งให้น้ำหนักกลยุทธ์การลงทุนทางเลือก (Alternative Investments) ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและช่วยลดความผันผวนของ Portfolio
"ทิศทางอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2569 คาดว่ายังคงเติบโตต่อเนื่อง และ MFC จะรักษาการเติบโตผ่านกลยุทธ์ที่เน้นการยกระดับบริการและผลิตภัณฑ์ การพัฒนานโยบายการลงทุนที่หลากหลายและยืดหยุ่น โดยเพิ่มตัวเลือกการลงทุนที่ปรับให้เข้ากับทุกสภาวะตลาด และนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนา App ให้สมาชิกในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการลงทุน ให้คำปรึกษา และจัดสัมมนา เพื่อให้สมาชิกเข้าใจแผนการลงทุน เลือกนโยบายที่เหมาะสมกับช่วงอายุและความเสี่ยง" นายเกษตร กล่าว