AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักในกรอบ 1260-1280
หุ้นเด่นเลือก TRUE

Market Strategy
SET Index คาดพักฐานในกรอบ 1260-1280 จุด แรงกดดันยังมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลต่อ Valuation และแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการรายงานงบ NVIDIA ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการคนละครึ่งพลัส 1.5 และเงินเยียวยาน้ำท่วมเพิ่มเติม กลยุทธ์เรามองการปรับฐานของ SET Index ลงมาบริเวณ 1250-1260 จุดเป็นจุดตั้งรับ สำหรับหุ้นเด่นของวันเลือก TRUE

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับฐานในช่วง -0.8% ถึง -1.2% จากแรงกดดันหลัก ยังมาจากหุ้นกลุ่มเทคฯ จากการตึงตัวในด้าน Valuation และแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการรายงานงบ NVIDIA ในวันนี้ แม้เริ่มมีสัญญาณบวกเล็กน้อยจากตลาดกลับมาคาดหวัง FED จะลดดอกเบี้ยฯ ในเดือน ธ.ค. ด้วยโอกาสเพิ่มเป็น 50% จากช่วงก่อนที่ประมาณ 40% หลังตัวเลข Initial Jobless Claim สหรัฐฯ วันที่ 18 ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.32 แสนตำแหน่งมากกว่าช่วง 19 ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.19 แสนตำแหน่งและตัวเลข ADP Employment เฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลง 2.5 พันตำแหน่ง ที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯที่ชะลอลง ทั้งนี้เชื่อว่าความชัดเจนจะมีมากขึ้นในการรายงาน NFP เดือน ก.ย. ที่จะรายงานในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่ง Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.4 หมื่นตำแหน่ง ประเมินการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นบ้านเราจากแรงกดดันหลักจาก DELTA ที่ PER69E อยู่ที่ 105x ต่อไป

การประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการคนละครึ่งพลัส 1.5 เติมเงินสูงสุด 2000 บาท สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่มีการ Upskill หรือ Reskill ตามที่รัฐกำหนด จำกัด วงเงิน 800 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 2% เมื่อเทียบวงเงินคนละครึ่งพลัส 1.0 จึงประเมินผลต่อทั้งเศรษฐกิจแต่ตลาดหุ้นมีจำกัด นอกจากนี้เห็นชอบเพิ่มเงินเยียวยาน้ำท่วมจากเดิม 9000 บาท ให้พื้นที่น้ำท่วมขังนานเป็นแบบขั้นบันไดสูงสุด 4 เดือน 2 หมื่นบาท ใช้งบกลาง 6100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม อย่าง GLOBAL และ HMPRO ที่แนวโน้มกำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วง 3Q68 ไปแล้ว

Market Summary
SET Index ปิดที่ 1,270.04 จุด -10.03 จุด หรือ -0.78% กดดันจากกลุ่ม Global Play ที่ปรับฐานตามตลาดหุ้นภูมิภาคและสหรัฐฯ นำโดย อิเล็คฯ -1.9% จาก DELTA -1.9% ตามหุ้นเทคสหรัฐฯ กลุ่มปิโตรฯ -2.3% และโรงกลั่น -0.8% จากแรงขายทำกำไร กลุ่มโรงพยาบาล BCH -3.7% CHG -3.4% จากเรามีมุมมองระมัดระวังในกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยไทย ด้านกลุ่มที่ปรับขึ้น กลุ่มอาหาร TFG +1.3% BTG (+1.1% ราคาหมูและไก่ในประเทศฟื้นตัวเทียบเดือนก่อน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ AMATA (+1.3%) WHA (+1.27%) กระทรวงพาณิชย์เผยการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐ ยังดำเนินต่อ

DAILY Stock Pick
TRUE
สะสม Defensive ที่กำไรปี 69 โตเด่น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15.00 บาท
เราคาดกำไร 4Q68 ที่ 4.7 พันลบ. (+47%YoY, +7%QoQ) หนุนจากรายจ่าย OPEX ที่ลดลงผ่านการลดจำนวนเสา และ Cost Saving ที่รับรู้เต็ม ไตรมาส
เราชอบ TRUE เนื่องจาก PE’69 อยู่ที่ 17.1 เท่า เทียบกับ ADVANC ที่ 17.9 เท่า ในขณะที่กำไรปี 69 TRUE เติบโต 33%YoY เทียบกับ ADVANC ที่เติบโตเพียง 12%YoY ในขณะที่ TRUE มี upside เพิ่มเติมจาก Cost saving

Technical View
แนวรับ : 11.40 บาท
แนวต้าน : 12.00 บาท
จุดตัดขาดทุน : 11.00 บาท

WEEKLY Stock Pick
BBL
valuation น่าสนใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 180.00 บาท
เราชอบ BBL เนื่องจาก ฐานรายได้หลากหลาย งบดุลแข็งแกร่ง โดยปี 69 เราคาดกำไรเติบโต 5.6% เทียบกับกลุ่มที่ 5% เนื่องจากบริษัทสามารถบริหาร Opex ได้ดีขึ้น และ credit cost ที่ลดลง
BBL YTD +3% เทียบกับ ดัชนีกลุ่ม Bank +10.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน ณ ปัจจุบันถูกซื้อขายที่ PBV’69 ที่ 0.48 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่ม Bank พร้อมกับอัตราเงินปันผลที่ 6.4%

Technical View
แนวรับ : 155.00 บาท
แนวต้าน : 160.00 บาท
จุดตัดขาดทุน : 152.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงความผันผวนถูกกดดันจาก สัญญาณอ่อนแรงของการบริโภค (Home Depot ปรับลดเป้าการเติบโต ปีนี้ลง) ผสานกับความไม่แน่นอนต่อการลดดอกเบี้ยของ Fedรวมถึงความกังวลต่อวัฏจักร AI ก่อน Nvidia รายงานงบฯ สอดคล้องกับการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯแตะ 4.10% สะท้อนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-เลี่ยงความเสี่ยงต่อเนื่อง ซึ่งโดยรวมจะกดดัน Fund Flow ต่างชาติในไทยต่ออีกระยะจนกว่าจะผ่านปัจจัยเสี่ยงหลักดังกล่าว

ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศวันนี้ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยตลาดคาดหวังให้ปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังเดือน ก.ย. ขยับขึ้นจากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล สภาพคล่อง SMEs และแรงหนุนจากการส่งออกกลุ่มเกษตร–อิเล็กทรอนิกส์ฟื้น ซึ่งหากตัวเลข ต.ค. ขยายตัวต่อ จะเป็นแรงหนุนต่อ sentiment หุ้น cyclicals ในระยะสั้น

EYES ON
ในสัปดาห์ สหรัฐฯกำหนดตารางประกาศตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ หลังเปิดหน่วยงานกลางสหรัฐฯ, ตัวเลขส่งออกไทย เดือน ต.ค.
20 พ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน ก.ย.
21 พ.ย. HCOB PMI ของ Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ