Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

61

 

ลดเกมส์บุก ... เตรียมเกมส์รับ

HORIZON MARKET VIEW
•วานนี้ตลาดหุ้นโลกร่วงแรง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ -1.7% ถึง -2.8% จากแรงเทขายของหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ปรับขึ้นจากธีม AI และเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินไปยังหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน พลังงาน และ HEALTHCARE ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อทิศทางดอกเบี้ยของ FED แม้การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์สิ้นสุดลงแล้ว (43 วัน) หลังสภาผู้แทนฯ โหวต 222 ต่อ 209 ผ่านงบประมาณชั่วคราวถึง 30 ม.ค. และต่อมาปธน. ทรัมป์ได้ลงนามกฎหมายงบประมาณชั่วคราว
• การกลับมาเปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการเคลียร์งานค้างหลังจากหยุดทำงานตั้งแต่ 1 ต.ค. 68 ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจไม่ถูกเผยแพร่หรือล่าช้า อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ FEDในรอบการประชุม ธ.ค. นี้

 

REGION RADAR
•สถิติ 4 ปีที่ผ่านมา ค่า P/E ของกลุ่ม MAG-7 พุ่งขึ้นแตะบริเวณ 34เท่า ทุกครั้งที่ตลาดมี RISK-ON SENTIMENT หรือกระแสเก็งกำไรในหุ้นเทคขนาดใหญ่ ซึ่งหลังจากนั้น ตลาดมักเกิดการเทขายทำกำไรหรือรีบาลานซ์พอร์ตทันที จึงทำให้ตลาด NASDAQ หรือกลุ่ม MAG7 อาจทำลายสถิติการปรับขึ้นในเดือน พ.ย. ที่บวกทุกปีตลอด 12 ปี
• กลยุทธ์ฯ แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และเน้นกลุ่มDEFENSIVE หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่าง BRK/B US(DR:BRKB80) และ EL US(DR:LLY80)

 

THAI FOCUS
•การประประชุม กนง. รอบเดือน ธ.ค. 68 มีแนวโน้มที่เห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% ส่วนหนึ่งสะท้อนจาก BOND YIELD 10Yของไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ที่ 1.77% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 27 BPS. (เทียบเท่ากับการขึ้นดอกเบี้ยราว 1 ครั้ง)
• นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในมุมภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีความเสี่ยงลดลงที่จะเข้าสู่ภาวะ TECHNICAL RECESSION บวกกกับ4Q68 มีหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากคลัง


SYNAPSE STRATEGY
•หุ้นกลุ่ม TECH ถูกขายทำกำไรแรงกว่าปกติในช่วงนี้ อาจกดดันหุ้นDELTA ให้ย่อตัวลง ตามหุ้นแม่ที่ลงจากยอดมาแล้ว -15% กดดันSET ขึ้นยาก อีกทั้งยังกังวลเรื่องน้ำท่วม และประเด็นกัมพูชาที่ปะทุอยู่
• ขณะที่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยมา 6 วันติด -8.4 พันล้านบาท กลยุทธ์ROTATE เม็ดเงินเข้าหุ้นที่ต่างชาติทยอยสะสมผ่าน NVDR ในสัปดาห์นี้ คือ BDMS, TOP , AMATA, BH และหุ้นที่ปรับคำแนะนำขึ้น SJWD

 


HORIZON MARKET VIEW
ทิศทางดอกเบี้ยเดือนธันวาคม ยังไม่ฟันธง
วานนี้ตลาดหุ้นโลกร่วงแรง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ -1.7% ถึง -2.8% จากแรงเทขายของหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ปรับขึ้นจากธีม AI และเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินไปยังหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน พลังงาน และ HEALTHCAREท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อทิศทางดอกเบี้ยของ FED แม้การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์สิ้นสุดลงแล้ว (43 วัน) หลังสภาผู้แทนฯ โหวต 222 ต่อ 209 ผ่านงบประมาณชั่วคราวถึง 30 ม.ค. และต่อมาปธน.ทรัมป์ได้ลงนามกฎหมายงบประมาณชั่วคราว

การกลับมาเปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการเคลียร์งานค้างหลังจากหยุดทำงานตั้งแต่ 1 ต.ค.68 ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจไม่ถูกเผยแพร่หรือล่าช้า รายละเอียดดังนี้

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) : มีโอกาส 60% ที่จะไม่เผยแพร่ข้อมูลเดือน ต.ค. 68 รวมถึงข้อมูลเดือน พ.ย.68 อาจล่าช้า ไม่ทันประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. 68 อีกทั้งปัญหาอาจจะกระทบถึงเดือน เม.ย. 69เพราะการคำนวณค่าเช่าต้องใช้ข้อมูลย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งเดือน ต.ค. ไม่มีข้อมูล
• อัตราว่างงาน : อาจไม่เผยแพร่ข้อมูลเดือน ต.ค. 68 เพราะต้องอาศัยการสัมภาษณ์ครัวเรือนย้อนหลังซึ่งไม่แม่นยำ รวมถึงการสัมภาษณ์สำหรับเดือน พ.ย. 68 ล่าช้า อาจต้องเลื่อนการเผยแพร่
• การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (PAYROLL EMPLOYMENT) และ GDP : ผลกระทบจำกัด เพราะสามารถใช้ข้อมูลจากบันทึกธุรกิจย้อนหลังได้แต่การเผยแพร่จะล่าช้าการขาดข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ FED ในรอบการประชุม ธ.ค. นี้ขณะที่ FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักลดลงเหลือ 50.7% (เมื่อ 13 ต.ค. 68 ให้น้ำหนัก 95%) คาด FED จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้

 


REGION RADAR
เตรียมใจหลัง MAG-7 ปรับฐานแรง เน้นหุ้น DEFENSIVE มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่าง LLY80 BRKB80
ดัชนี S&P500และ NASDAQ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงไตรมาส 3 หลังได้รับแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่ม MAG-7 ที่รายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งบริษัทต่างๆ ยังปรับเพิ่มเม็ดเงินการลงทุนในด้าน AI อย่างต่อเนื่อง จนทำให้VALUATION ของดัชนี S&P500/ NASDAQ รวมถึงหุ้นกลุ่ม MAG-7 ค่อนข้างตึงและอยู่ในระดับที่สูง โดยมี FORWARD P/E 2025เกินระดับ 20-30 เท่า ในช่วงไตรมาสนี้ซึ่งสถิติในอดีต 4 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 2021 ถึง 2025) ค่า P/E ของกลุ่มMAG-7 มักพุ่งขึ้นแตะบริเวณ 34 เท่า ทุกครั้งที่ตลาดมี RISK-ON SENTIMENT หรือกระแสเก็งกำไรในหุ้นเทคขนาดใหญ่ (เช่น NVIDIA, MICROSOFT, META, AMAZON, APPLE ฯลฯ) ซึ่งหลังจากนั้น ตลาดมักเกิดการเทขายทำกำไรหรือรีบาลานซ์พอร์ตทันทีดังรูปด้านล่าง


อีกทั้งสถิติย้อนหลังที่ผ่านมา เดือน พ.ย. จะเป็นเดือนที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากหากย้อนดูสถิติตั้งแต่ปี 2012-2024 จะพบว่าดัชนี NASDAQ สามารถปรับตัวขึ้นในเดือน พ.ย. ติดต่อกันเป็นเวลา 13 ปี อย่างไรก็ตาม เดือน พ.ย. 2025 ล่าสุดดัชนี NASDAQ ปรับตัวลงราว 3.6% ส่งผลให้เดือนนี้อาจเป็นเดือนแรกที่ดัชนีNASDAQ จะทำลายสถิติย้อนหลังคือมีการปรับตัวลงก็เป็นได้ เฉกเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่ม MAG-7

 

กลยุทธ์ฯ แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และเน้นกลุ่ม DEFENSIVE หากดัชนี NASDAQ ได้ทำลายสถิติเป็นครั้งแรก แนะนำหลบมาสะสมหุ้นในกลุ่ม DEFENSIVE เสริมพอร์ต อย่าง BRK/B US (DR:BRKB80) และ ELUS(DR:LLY80) โดยมีรายละเอียด ดังนี้


BERKSHIRE HATHAWAY รายงานงบ 3Q25 ว่าบริษัทถือเงินสดอยู่ที่ระดับ $3.8 แสนล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์และถือเงินสดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 12 ไตรมาส หากว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในเดือนนี้มีการปรับฐานหรือปรับตัวลงแรง บริษัทจะได้ประโยชน์จากการที่สามารถเข้าไปลงทุนในช่วงที่มูลค่าของบริษัทต่างๆ ในตลาดหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น

ELI LILLY รายงานงบ 3Q25 ออกมาแข็งแกร่ง สวนทางกับคู่แข่งอย่าง NOVO NORDISK (NVO US) ที่รายงานงบ 3Q25 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดทั้งรายได้และกำไร อีกทั้งบริษัทได้มีการปรับคาดการณ์รายได้และกำไรลงจากเดิม สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของ ELI LILLY ที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งค่อนข้างมากจากการเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดยารักษาเบาหวาน GLP-1ได้ต่อเนื่อง

 

THAI FOCUS
สัญญาณการคงดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ดูชัดขึ้น
การประประชุม กนง. รอบเดือน ธ.ค. 68 มีแนวโน้มที่เห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% ส่วนหนึ่งสะท้อนจากBOND YIELD 10Y ของไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ที่ 1.77% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 27 BPS.(เทียบเท่ากับการขึ้นดอกเบี้ยราว 1 ครั้ง) อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกยังมีความไม่แน่นอน โดย FED อาจคงดอกเบี้ยในเดือนหน้าเช่นกัน สะท้อนจากการเคลื่อนไหวของ BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ไม่ได้ปรับตัวลดลง

 

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในมุมภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีความเสี่ยงลดลงที่จะเข้าสู่ภาวะ TECHNICALRECESSION (GDP ติดลบต่อกับ 2 ไตรมาส) ล่าสุด CONSENSUS คาด GDP GROWTH 3Q68 ของไทย(ประกาศ 17 พ.ย.68) จะอยู่ที่ +1.7%YOY และ +0.0%QOQ บวกกกับไตรมาส 4 มีหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากคลัง อาทิ โครงการเที่ยวดีมีคืน คาดเติมเต็ม GDP ใน 4Q68 ราว 0.04%YOY ส่วนมาตรการคนละครึ่งพลัส + บัตรสวัสดิการ คาดหนุน GDP ใน 4Q68 ราว 0.4%YOY ซึ่งน่าจะเป็นตัวพยุง GDP ไทยให้อยู่ในโซนบวกได้ และการคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% น่าจะสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 2.2% ตามความคาดหมายของธปท.

 

SYNAPSE STRATEGY
ต่างชาติยังคงขายหุ้นไทย เสริมแรงฉุดด้วยหุ้น DELTA มองแนวรับแรก SET วันนี้ 1276 จุด
วานนี้ นักลงทุนเริ่มมีการขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ออกมา ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับลง 1.6%-2.3%เอเชียเช้านี้ที่เปิดลบ 0.5%-2% และ BITCOIN -3% เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็น SENTIMENT เชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย

วันนี้ อีกทั้งต่างชาติขายหุ้นไทย 6 วันติด -8.4 พันล้านบาท รวมถึงยังมีความกังวลเรื่องน้ำท่วมในประเทศ และประเด็นกัมพูชาที่ปะทุอยู่ ฝ่ายวิจัยฯมองแนวรับแรกของ SETINDEX วันนี้ที่ระดับ 1276 จุด โดยคาดหุ้นหลักที่จะเป็นตัวกดดัน SET วันนี้ คือ DELTA(ตามหุ้นกลุ่ม TECH สหรัฐฯที่ถูกขายทำกำไร) และราคายัง LAGGARD ขาลงหุ้นแม่(2308TT) ที่ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดแล้ว -15% แต่ DELTA ไทย -5% จากจุดสูงสุด เท่านั้น

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ROTATE เม็ดเงินไปเข้าหุ้นที่ต่างชาติทยอยสะสมผ่าน NVDR ในสัปดาห์นี้ คือ BDMS,TOP , AMATA, BH และหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯปรับคำแนะนำขึ้น SJWD

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

คับคั่ง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานงบการเงินไตรมาส3/68 ออกมาอย่างคับคั่ง บางบริษัทกำไรโต บ้างก็กำไรลดลง ....

จับตา By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าที่ผ่านมาหุ้นไทย รีบาวน์เล็กน้อย บนปัจจัยแวดล้อมที่ต้องจับตา ทั้งการปิดหน่วยงานของรัฐบาล.

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้