สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13  พฤศจิกายน 2568 )----- นายกฤษฏ์พงศ์ ตากวิริยะนันท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร   บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “CPI”)เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ในการอนุมัติเข้าลงทุนก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil: CPO) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง รวมถึงก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาดกำลัง การผลิตติดตั้งไม่เกิน 2 เมกะวัตต์ และโรงผลิตก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ เป็นแหล่งพลังงานภายในโรงสกัด (รวมเรียกว่า “โครงการฯ”) ทั้งนี้ บริษัทฯ ประมาณการในการใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 940 ล้านบาท ซึ่งการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวจะดำเนินการผ่านบริษัท ซีพีไอ เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว โดยบริษัทฯ จะเริ่มพัฒนาโครงการตามแผนระหว่างปี 2568 ถึง 2570 และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2571 

สรุปการได้มาซึ่งสินทรัพย์หลักของการลงทุนในโครงการ 


1.  โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ  ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ไม่เกิน 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง

2. โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ไม่เกิน 2 เมกะวัตต์ 

3.  โรงผลิตก๊าซชีวภาพ  ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง  ไม่เกิน 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี 


ทั้งนี้ การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว เมื่อคำนวณขนาดของรายการตามที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาด ทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และ ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนใน การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (“ประกาศการได้มาหรือจำหน่ายไปฯ”) พบว่ารายการดังกล่าว มีขนาดรายการ รวมเท่ากับร้อยละ 20.68 ซึ่งเป็นขนาดรายการสูงสุดที่คำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน อ้างอิงจากงบการเงินรวม สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ได้รับการสอบทานจากผู้สอบบัญชี และในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่ บริษัทฯ ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการเข้าทำรายการในครั้งนี้ บริษัทฯ ไม่มีรายการได้มาหรือจำหน่าย ไปซึ่งสินทรัพย์รายการอื่น ส่งผลให้รายการดังกล่าวมีขนาดของรายการมากกว่าร้อยละ 15 แต่น้อยกว่าร้อยละ 50 ถือเป็น รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ประเภทที่ 2 บริษัทฯ หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์”) 

นอกจากนี้ การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว ไม่ถือเป็นการทำรายการระหว่างบริษัทฯ กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ดังนั้น จึงไม่ถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผย ข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 แต่อย่างใด