News Feed

บล.คืงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

7 พ.ย. 2568 10:32:43 78

Market Wrap-Up

SET วันที่ 6 พ.ย.68 ปิด +18.02 จุด อยู่ที่ 1,313.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,139 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 58 ลบ. สถาบันซื้อ 774 ลบ. รายย่อยขาย 2 ลบ. และต่างชาติขาย 825 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 220 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,KBANK,BDMS,KKP,HANA และยอดขายหุ้น IVL,KTB,BH,TRUE,TTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,777 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CPAXT,JMT,CHG โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 8,238 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 82,484 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,674 ลบ.

Market View

DJIA -0.84%, S&P500 -1.12%, Nasdaq -1.90% จากแรงขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -5%, เทคโนโลยี -2% จากความกังวลมูลค่าหุ้นเกี่ยวกับ AI สูงเกินไป ส่งผลให้ Qualcomm -3.6%, AMD -7.2% รวมถึงหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ขณะที่บริษัทที่ปรีกษาด้านจ้างงาน Challenger, Gray & Christmas เผยตัวเลขเลิกจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ ต.ค. อยู่ที่ 153,374 ตำแหน่ง +183% โดยพนักงานในกลุ่มเทคฯ, คลังสินค้าได้รับผลกระทบมากสุด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ระบบ Autoamtion & AI ที่เข้ามาทดแทนแรงงาน ส่วนภาวะชัตดาวน์สหรัฐเข้าสู่วันที่ 37 ซึ่งคาดจะส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจราว 1.5 หมื่น ล.ดอลลาร์/วัน ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย.คาด 54.0 & ต.ค. 53.6
Stoxx600 ยุโรป -70% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1.9% กังวลต่อมูลค่าหุ้นที่อาจสูงเกินไป แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มเฮลธ์แคร์ +0.4% นำโดย AstraZenca +3.1% รับกำไร Q3 ดีกว่าคาด และ Novo Nordisk +1.9% ขณะที่ผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษมีมติ 5 - 4 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.0% ซึ่งสวนทางกับคาดจะลดลง 0.25% โดยผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษ แอนดรูว์ เบลีย์ อยู่ในฝั่งที่หนุนให้ลดดอกเบี้ย ส่งผลให้การประชุม ธ.ค. มีโอกาสที่ BOE จะลดดอกเบี้ยลง หลังผ่านงบประมาณในช่วงปลายเดือนนี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +34% ได้แรงหนุนจากกลุ่มโลหะ, เครื่องจักร และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ โดยเป็นการฟื้นตัวตามดัชนีหุ้สหรัฐ หลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ต.ค. ยังขยายตัวได้ดี ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.55% ทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากหุ้น SK Hynix +2.4%, LG Energy Solution +1.3% และ Hanwha Aerospace +2.1% รวมถึงกลุ่มการเงิน ขณะที่ดัชนีเซี่ยไฮ้ +0.97% นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Cambricon Tech +9.8% หลังทางการจีนออกคำสั่งให้ศูนย์ Data Center ของรัฐบาล จะต้องใช้ชิปที่ผลิตในประเทศเท่านั้น ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตามข้อมูลส่งออก - นำเข้าจีน ต.ค., วันเสาร์ ตัวเลชเงินเฟ้อจีน ต.ค.
SET วานนี้ +39% ปริมาณการซื้อขาย 3.8 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 774 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 58 ลบ. รายย่อยขาย 7.2 ลบ. และต่างชาติขาย 825 ลบ. โดยดัชนีฟื้นตัวตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ นำโดย DELTA +4.5% ซึ่งส่งผลบวกต่อดัชนี +9.9 จุด ขณะที่กลุ่มไอซีที +1.2% หลัง ADVANC รายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด ได้ปัจจัยหนุนจากรายได้จากฝั่งบริการข้อมูล 5 G ยังเติบโตได้ดี ส่วน TRUE นั้นก็รายงานกำไร Q3/68 อยู่ที่ 1.57 พัน ลบ. ต่ำกว่าคาดการณ์กำไรที่ 4.0 พัน ลบ. สาเหตุมาจากการตั้งด้อยค่าอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.19 บาท และผลการดำเนินในระยะถัดไปมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่กลุ่ม Domestic Play อื่น ๆ เช่น ไฟแนนท์, ค้าปลีก ก็มีแรงซื้อสะสมจากคาดการณ์ผลประกอบการในงวด Q4/68 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น คนละครึ่งพลัส, เที่ยวไทยคนละครึ่ง, ม.ปรับลดค่าครองชีพต่าง ๆ รวมถึง กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค. ในส่วนของการรายงานงบ บจ.วานนี้นั้น GULF รายงานกำไร Q3/68 อยู่ที่ 7.28 พัน ลบ.ดีกว่าคาด +3.8% ได้แรงหนุนจากกำไรของธุรกิจพลังงาน และส่วนแบ่งกำไรจาก AIS ขณะที่ OR รายงานกำไร Q3/68 อยู่ที่ 2.6 พัน ลบ. ดีกว่าคาด +13% ได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นธุรกิจน้ำมันปรับดีขึ้น รวมถึงรายได้จากยอดขาย Caf? Amazon ซึ่งโดยภาพรวมกำไร Q3/68 ของ บจ.ที่ส่งงบแล้วมีกำไรดีกว่า BB Consensus +5%

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,300 – 1,305 แนวต้าน 1,315 - 1,320 คาดดัชนีกลับมาทรงตัว หลังยังมีคววามผันผวนในหุ้นกลุ่มเทค ฯ สหรัฐ กอปรกับรอการรายงานกำไร Q3/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/68 เติบโตดี เช่น CPN, WHAUP, TOA, / เก็งกำไร CPAXT,OR, BA,CENTEL คาดรายได้ในงวด Q4/68 จะขยายตัวได้ดีในช่วง High Season
CENTEL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 36.25 บาท) มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งในเรื่องการลดหย่อยภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง และส่วนงานราชการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการอบรมสัมมนา ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 3Q68 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ ตาม RevPar ของโรงแรมทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่ SSSG กลับมาเป็นบวก YoY จากไตรมาสก่อนที่ติดลบ ส่วน 4Q68-1Q69 เข้า season ท่องเที่ยวหนุนกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ไว้ที่ 6 พันล้านบาท (-6%YoY) และ 1.9 พันล้านบาท (+16%YoY)

TNP* (ทะยอยซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus NA บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 48 ลบ.(+0.4%YoY, -5.4%QoQ) กดดันตามฤดูกาล และ SSSG ที่ -7.1%YoY (สูงขึ้นจาก SSSG 1Q68 ที่ -3.1%YoY และ 2Q68 ที่ -2.0%YoY) แต่กำไรลงมาไม่มากมาจากการคุมต้นทุนที่ดีและเน้นขายกลุ่มสินค้ามาร์จิ้นสูงอย่างขนม ส่งผลให้ GPM +126 bsp YoY +17 bsp QoQ อยู่ที่ 18.57% ส่วนช่วงถัดไป 4Q68 คาดหนุนด้วย High Season และมีแรงเสริมเพิ่มจากม.ภาครัฐฯ โดยเฉพาะม.ช่วยเหลือค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่ ม.คนละครึ่งพลัส แม้ไม่ได้ร่วมโดยตรง แต่คาดว่าจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากร้านเล็กที่มีซื้อของ

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค.-$0.17 อยู่ที่ $59.43 / บาร์เรล, Brent ม.ค. -$0.14 อยู่ที่ $63.38/บาร์เรล หลัง EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.2 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 2.5 ล.บาร์เรล กอปรกับ Saudi Aramco เตรียมประกาศปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าในเอเชียใน ธ.ค. หลังกลุ่มโอเปกพลัสมีมติไม่เพิ่มกำลังการผลิตในช่วง Q1/69

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$1.90 อยู่ที่ $3,991.0 /ออนซ์. นักลงทุนยังเลือกถือทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐยังอยู่ในภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 37 กอปรกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐมีความผันผวนจากความกังวลต่อมูลค่าที่อาจสูงเกินไป

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -28.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -25.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +3.59 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.88 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.095 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +60 อยู่ที่ 2,063

(-) BitCoin เช้านี้ -1.80% อยู่ที่ 101,516 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ต่างประเทศ

03 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

04 ก.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

05 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

)

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BCPG*, KLINIQ, TFM*, ADVANC

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662