Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : กลุ่ม Finance ลดคำแนะนำ TIDLOR เป็น “ถือ” เลือก MTC, SAK เป็นหุ้นเด่น

75

 

 

Thai Consumer Finance

ชะลอการเติบโตเพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์

 

 

ลดคำแนะนำ TIDLOR เป็น “ถือ” เลือก MTC, SAK เป็นหุ้นเด่น

เราเปลี่ยนหุ้นเด่นของกลุ่มเป็น MTC และ SAK แทน SAWAD หลังจากราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 36% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ (วงเงินกู้ขนาดเล็ก) จะดีกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถบรรทุก (วงเงินกู้ขนาดใหญ่) เราชอบ MTC เพราะมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่เหมาะสม และชอบ SAK จากความสามารถในการทำกำไรสูงและอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี เราปรับประมาณการมูลค่า (valuation) ของผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งหมดไปเป็นปี 69 และปรับลดคำแนะนำ TIDLOR ลงเป็น “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นมีอัพไซด์จำกัด หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแซงดัชนี SET และกลุ่มการเงินไปแล้ว 32% และ 49% ตามลำดับ (YTD ปี 68)

 

 

ปรับประมาณการกำไรของ TIDLOR, SAWAD และ SAK

เรายังคงประมาณการกำไรของ MTC ไว้เท่าเดิม แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TIDLOR และ SAWAD ขึ้น 2–4% ในช่วงปี 68-70 จากสมมติฐาน ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ที่ต่ำลงของ TIDLOR และผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินยึดคืน (repossessed assets) ที่ลดลงของ SAWAD ในขณะเดียวกัน เราปรับลดประมาณการกำไรของ SAK ลง 1–3% จากสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอและ credit cost ที่สูงขึ้น เราคาดว่า TIDLOR จะมีกำไรเติบโตสูงสุด 18% YoY ตามด้วย MTC 11% ในปี 68 ส่วนกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งหมดคาดว่ากำไรจะเติบโต 8–9% ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 69 ซึ่งชะลอลงหลังผู้ประกอบการปรับลดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) เพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์

 

 

คาดกำไร 3Q68 ของทั้งกลุ่มเติบโต YoY นำโดย TIDLOR

เราคาดว่ากำไรรวมของกลุ่มใน 3Q68 จะเติบโต 13% YoY และ 2% QoQ อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท จาก credit cost ที่ลดลง โดย TIDLOR และ MTC จะมีการเติบโตของกำไรสูงสุด 32% และ 13% ตามลำดับ จากcredit cost ที่ลดลงของ TIDLOR และการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ดีของ MTC ในทางกลับกัน กำไรของ SAWAD และ SAK คาดว่าจะทรงตัว YoY โดย SAWAD ได้รับผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่อ่อนแอ ขณะที่ SAK มี credit cost สูงขึ้น

 

 

Credit cost มีแนวโน้มลดลงตามการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอและอัตรา LTV ที่ลดลง

ผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดคาดว่าจะมี credit cost ลดลง YoY ยกเว้น SAK ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมี อัตราส่วน NPL สูงขึ้น และมีการตัดจำหน่ายหนี้เสีย (write-off) เร็วขึ้น อัตราส่วน NPL ของทั้งกลุ่มคาดว่าจะทรงตัว QoQ ใน 3Q68 เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 69 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต “ไม่เกิน 10%” (เทียบกับ 15–20% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา) ขณะที่ต้นทุนทางการเงิน (cost of funds) มีแนวโน้มลดลง YoY จากการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะถูกปรับลดลงใน 4Q68 และ 1Q69

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้