Today’s NEWS FEED

News Feed

TechInno Forum 2025 ชี้การขับเคลื่อนแนวคิด "Care Economy" เป็น New-S Curve สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

85

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 พฤศจิกายน 2568 )-----รายงานจากงานสัมมนาด้านเทคโนโลยี Outstanding Technologist Awards & TechInno Forum 2025 ภายใต้แนวคิด "The Care Economy: Connecting Innovation and Humanity" หรือ "เศรษฐกิจใส่ใจ เชื่อมโยงนวัตกรรมกับความเป็นมนุษย์" ที่จัดโดยมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) โดยมี กูรู เศรษฐกิจด้าน ESG และนวัตกรรมเข้าร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนมุมมองความคิด ระบุ "Care Economy" หรือ เศรษฐกิจใส่ใจ แนวคิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและใจของผู้คน ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนและสังคมอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่เทรนด์ระดับโลก แต่เป็นทิศทางสำคัญ หรือ New-S Curve ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต ที่นวัตกรรมสามารถเชื่อมโยงคน สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง

นายพิพิธ เอนกนิธิ ประธานกิจยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทย ได้ให้ความเห็นในระหว่างปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Beyond the Care Economy: One Health as a Socio-economic Imperative" ถึงการนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจใส่ใจ หรือ Care Economy ที่เป็น New S-Curve สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนว่า "เวลาที่พูดถึง Care เราจะนึกถึงเรื่องของสุขภาพ การรักษาพยาบาล แต่จริงๆ แล้ว Care Economy เป็นเรื่องของการนำเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนและของโลกและเศรษฐศาสตร์ มาผนวกกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมของประเทศ ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ในแบบของ "Care Economy"

การนำวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์เข้ามาเพื่อสร้างเศรษฐกิจใส่ใจ หรือ Care Economy มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ด้าน คือ เรื่องแรกคือเรื่องของความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี ถัดมาองค์ประกอบที่สองคือเรื่องของการเชื่อมโยงและให้ความสำคัญกับสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และประเด็นสุดท้ายคือเรื่องของการกำหนดนโยบายด้านความยั่งยืน

"Care Economy เป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ ความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจ และการมีชีวิตของทั้งโลกนี้ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากการ Health Care มาสู่ Care คือการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่เฉพาะสุขภาพของเรา แต่หมายรวมถึงสุขภาพของโลก"นายพิพิธกล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า

"ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย และมีภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชากรคิดเป็นสัดส่วนถึง 5% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ GDP ของประเทศจะลดลงเรื่อยๆ เพราะเรามีประชากรในวัยทำงานลดลงเรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถที่จะเติบโตได้บนพื้นฐานของโครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่เราต้องพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยใช้นวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ"

รองศาสตราจารย์แมททิโอ วิญอลี (Assoc. Prof. Matteo Vignoli) จากสถาบันอาหารแห่งอนาคต มหาวิทยาลัยโบโลญญา (Future Food Institute, University of Bologna) ประเทศอิตาลี ให้ข้อมูลในประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนาและบริหารการจัดการอาหารเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ว่า  "สถานการณ์ของโลกในปัจจุบันอยู่ในสถานะที่เกินกำลัง เพราะมีการใช้ทรัพยากรของโลกที่ไม่สามารถสร้างมาทดแทนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้เราต้องหันกลับมาบริหารจัดการโลกในมุมมองใหม่ สิ่งที่น่าสนใจคือ การให้ความสำคัญเกี่ยวกับการบริโภคที่สามารถสร้างสุขภาพที่แข็งแรงได้ อย่างที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องอาหารเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet) ให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และเพื่อโลก เป็นแนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกโดยคำนึงถึงสุขภาพที่ดีทั้งคนและโลก

โดยแนวคิดดังกล่าวมาจากปัญหาสุขภาพของประชากรโลก ที่ผลการศึกษาพบว่า 7 ใน 10 ของการเสียชีวิตของประชากรโลก มีความเกี่ยวข้องกับอาหารและรูปแบบการใช้ชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีผู้เสียชีวิตเพราะโรคอ้วนทั่วโลกถึง 4 ล้านคนต่อปี และในปี 2561 มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถึง 40 ล้านคนที่มีน้ำหนักเกิน และการบริโภคเนื้อสัตว์ และอาหารแปรรูปที่มากเกินไป เป็นสาเหตุหลักของภาวะทุพโภชนาการและโรคเรื้อรัง ดังนั้นการที่จะสร้างโลกที่มีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค"

รองศาสตราจารย์แมททิโอ วิญอลี กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการทำงานของสถาบันฯ ในปัจจุบันว่า ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน เราต้องพัฒนาระเบียบวิธีคิดและกรอบความคิดในเรื่องนวัตกรรมที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายที่จะให้ผู้คนในโลก กินดี อยู่ดี เพื่อที่จะกู้โลกให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน (The Longevity Algorithm: Eat Well, Stay Well, Save the Planet) ภายใต้แนวคิดดังกล่าว ทางสถาบันฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม ทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค นำวิทยาศาสตร์มาสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในโลก ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม เราไม่สามารถที่จะย้ายอุตสาหกรรมที่สร้างมลภาวะจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งแล้วบอกว่า ประเทศเราปลอดมลภาวะ เพราะมลภาวะไม่ได้หายไป ไม่ว่ามลภาวะจะอยู่ในประเทศไหน ก็คืออยู่ในโลกใบเดียวกัน ดังนั้นเราต้องนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาสร้างอาหารที่ดีกับสุขภาพเพื่อลดมลภาวะ และทำให้ผู้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน"

 

เปิด 3 ผลงาน "Care Economy" รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2568

จากแนวคิดเรื่อง Care Economy ทางมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้ประกาศผลงานด้านนวัตกรรมที่โดดเด่นของคนไทย โดย น.สพ. รุจเวทย์ ทหารแกล้ว ประธานกรรมการคัดเลือก รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น และนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2568 กล่าวว่า "ในปีนี้มี 3 ผลงานที่ผ่านการคัดเลือกและคว้ารางวัล "นักเทคโนโลยีดีเด่น" และ "นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่" ประจำปี 2568  ภายใต้แนวคิด "Care Economy" หรือ "เศรษฐกิจใส่ใจ" ซึ่งเป็นแนวคิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและใจของผู้คน ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างทั่วถึง โดยรางวัล
"นักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2568" ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 1,000,000 บาท และโล่รางวัลพระราชทานประติมากรรม "เรือใบซูปเปอร์มด" จำนวน 2 รางวัล ได้แก่

1. ศ.ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากผลงาน "การอบแห้งด้วยไอน้ำร้อนยวดยิ่งที่ความดันต่ำ" ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทเดี่ยว

2. ผศ. ดร.บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ และคณะ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการออกแบบและพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมอย่างสร้างสรรค์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากผลงาน "ชุดนวัตกรรมฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้สูงอายุ" ได้รับ รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทกลุ่ม 

และรางวัล "นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2568" ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเหรียญรางวัล "เรือใบซุปเปอร์มด" จำนวน 1 รางวัล คือ  ผศ. ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี "การบูรณาการนิวโรเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อมอย่างครบวงจร"

โดยผลงานแต่ละชิ้นสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพของนักเทคโนโลยีไทย ในการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถพัฒนาให้เป็นพลังสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในอนาคต ท่ามกลางสภาวะ Disruptive Technology ที่เทคโนโลยีใหม่สามารถ "แทนที่ของเดิมได้อย่างสิ้นเชิง" น.สพ. รุจเวทย์ กล่าวสรุป

 

จากงานวิจัย สู่ การนำไปใช้ เพื่อสร้าง Care Economy

ศ. ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากผลงาน "การอบแห้งด้วยไอน้ำร้อนยวดยิ่งที่ความดันต่ำ" ผู้คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทเดี่ยว กล่าวว่า "เทคโนโลยีนวัตกรรมในการแปรรูปผักผลไม้ที่อร่อยโดยไม่ต้องใส่สารเติม ต้องมี Passion และเชื่อว่าสิ่งที่ทำต้องสำเร็จ ต้องอาศัยทั้งความมุ่งมั่นและความร่วมมือกับพันธมิตรจากหลายภาคส่วน ทั้งมหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่จะทำให้เกิดการขยายผล โดยโมเดลการทำงานต้องเริ่มจากการพูดคุย ลงทุน และต้องพร้อมที่จะเผชิญความล้มเหลว ขณะที่เรื่องลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ต้องอาศัยความช่วยเหลือทั้งจากสถาบันการเงิน ภาครัฐ หลายครั้งพบว่ากลุ่ม Startup จำนวนไม่น้อยต้องต้องล้มก่อนประสบความสำเร็จเนื่องจากปัญหาเงินทุน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน หน่วยงานสนับสนุนด้านเงินทุนมีความเข้าใจมากขึ้น แต่อาจจะยังมีกำแพงปิดกั้น ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนแนวคิดและการบริหารจัดการเพื่อลดอุปสรรคการทำงานร่วมกัน"

ผศ. ดร.บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ และคณะ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการออกแบบและพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมอย่างสร้างสรรค์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากผลงาน "ชุดนวัตกรรมฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้สูงอายุ" ผู้คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทกลุ่ม กล่าวว่า "การสร้างผลงานต้องมี "ทีม" ที่เข้มแข็ง ซึ่ง Pain point ของโปรเจคนี้เริ่มจากการฟื้นฟูผู้ป่วยซึ่งมีอาการค่อนข้าง

รุนแรง และมีผู้ป่วยถึง 3.5 แสนคนต่อปีซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก เนื่องจากผู้ป่วยขาดโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือ แนวคิดนวัตกรรมที่ทางกลุ่มได้ออกแบบมาคือ การกระจายทั่วถึงสู่ระดับชุมชน รางวัลที่ได้รับครั้งนี้ เท่ากับเราก้าวสู่การเป็น Startup ที่สามารถเข้าถึงความต้องการตรงประเด็น โดยออกแบบภายใต้บริบทเงื่อนไขการใช้งานที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วยและผู้ฟื้นฟู การก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดในงานนี้ แรงขับเคลื่อนสำคัญคือ "ทีม" เราเริ่มหาแนวร่วมเพื่อผลักดันโปรเจค เพื่อให้เกิดการพัฒนาจริง แก้ปัญหาได้จริง และตกผลึกว่า สุดท้ายต้องไปสู่ระดับชุมชนให้ได้ และต้องขับเคลื่อนต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนโดยใช้ภาคธุรกิจเข้ามาช่วยคือ ธุรกิจ Startup ซึ่งเป็นการส่งเสริมภาคธุรกิจด้วย" ผศ. ดร.บรรยงค์ กล่าวสรุปและเพิ่มเติมว่า

"สำหรับโมเดลในการทำงาน เราลงทุนในชุมชน โดยโมเดลเรามาจาก Startup ขอทุนวิจัย นักศึกษาจะมีรายได้จากการเป็นผู้ช่วยวิจัย จากนั้นขอทุนวิจัย จาก TED Fund ซึ่งทำให้นักศึกษาสามารถมีเงินทุนมาสนับสนุนงานวิจัย ซึ่งทำให้เป็น Startup ที่มั่นคง โดยเราทำงานวิจัยมาแล้ว 4 ชิ้นที่นำกลับมาสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ฟื้นฟู"

ผศ. ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากผลงาน "การบูรณาการนิวโรเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อมอย่างครบวงจร" ผู้คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ กล่าวถึงผลงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ว่า "ผมศึกษาเรื่องนิวโรเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อม โดยได้เชื่อมโยงแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกัน และสุดท้ายคือยกระดับให้เข้าไปถึงบุคคลให้ได้ โดยร่วมกับ บริษัท Startup เพื่อพัฒนาและนำนิวโรเทคโนโลยี มาผสานกับ AI เพื่อประสานองค์ความรู้ โดยแรงผลักดันที่นำไปสู่การประยุกต์ใช้มองภาพตัวขับเคลื่อนอะไร ที่ไปถึงผู้ใช้งาน คำตอบคือ โรคทางสมอง รักษาไม่ได้ แต่สามารถหาแนวทางการป้องกันได้ หากรู้จักผู้ป่วย การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยให้มากที่สุดจะมีประโยชน์สูงสุด

"ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยไทย มีความสำคัญมาก ทำอย่างไรถึงจะสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ นักวิจัยไม่ได้ต้องการเงินทุนอย่างเดียว แต่อยากได้ Strategic Partner เพื่อมาทำงานร่วมกัน ผมเชื่อในกฎแรงดึงดูด เช่น เริ่มจากการทำงานที่เปิดโลกให้เห็นว่า งานเชิงวิทยาศาสตร์มาช่วยเรื่อง Senior Living ได้อย่างไร ทำให้เกิดการต่อยอด การประชุมหลายเวที เกิดการเชื่อมโยง และขยายต่อยอดไปสู่เรื่องใหม่ๆ นำไปสู่การรวมกลุ่มในอาเซียนมีการรวมตัวกันเพื่อทำงานด้านนี้ ทำให้เห็นภาพว่า นักวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมกลุ่มกันได้อย่างไร ในเชิง Collaboration ซึ่งในเอเชียมีข้อมูลเชิงวิขาการด้านสุขภาพค่อนข้างมาก ข้อมูลด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ เราต้องเชื่อว่าเอเชียกำลังเป็นขาขึ้น โดยต้องผนึกกำลังกันในอาเซียนให้สำเร็จเพื่อพัฒนาและขายสิ่งเหล่านี้กลับไปยังฝั่งตะวันตกและยุโรป"

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรม TechInno Mart จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ ๆ มากกว่า 30 ผลงาน อาทิ เทคโนโลยีการตรวจอัลบูมินในปัสสาวะเพื่อคัดกรองโรคไตอย่างรวดเร็ว และ A-MED Care แพลตฟอร์มกลางสำหรับหน่วยบริการปฐมภูมิ จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), เรา Young Fit (FITKAN) จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), Albumin Smart Test: นวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตด้วยแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, NUMUKA Edna Serum เซรั่มลดริ้วรอยจากเปปไทด์จิ้งหรีด, หุ่นชีวิน ชุดอุปกรณ์ฝึกสอนการช่วยชีวิต จากสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหาวิทยาลัยมหิดล, นวัตกรรมสิ่งทอเส้นใยเฮมป์ สู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ แฟชั่นไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้สูงวัยญี่ปุ่น ด้วยแนวคิด BCG จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ข้าวปลาวาฬ ข้าวไร้แป้ง จากบริษัท เนรมิต ฟู้ดเทค จำกัด

งาน Outstanding Technologist Awards & TechInno Forum 2025 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ยังดี มีสตอรี่ให้เล่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย อยู่ในสภาวะไม่คึกคัก ด้วย ตอนนี้ นักลงทุน อยู่ระหว่าง...

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้