RBF : ยอดขายในประเทศที่ซบเซาและต้นทุนที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรหลัก

คาดผลประกอบการยังคงอ่อนตัว
เราคาดการณ์ว่ายอดขายโดยรวมจะเติบโตเล็กน้อยที่ 3% YoY ในปี 2025F หลังจากมาตรการผ่อนคลายทางการค้าที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าต่างประเทศท่ามกลางยอดขายในประเทศที่ซบเซา อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรหลักจะทรงตัวที่ 109 ล้านบาท YoY เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ดังนั้น เราจึงยังไม่เห็นปัจจัยหนุนในระยะสั้นจากมุมมองพื้นฐาน เนื่องจากความต้องการเครื่องดื่มที่อ่อนแอในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรใน 4Q25F จะฟื้นตัวQoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และปัจจัยสนับสนุนจาก 1) อัตราภาษีที่แท้จริงที่ลดลงจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีของโรงงานปรุงแต่งรสชาติแห่งใหม่ในอยุธยา (ค่าเสื่อมราคา 20-30 ล้านบาทต่อปี) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน 4Q25F และ 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล

คาดการณ์กำไรหลักใน 3Q อยู่ที่ 109 ล้านบาท (-9% YoY, +9% QoQ)
คาดการณ์รายได้เติบโตเล็กน้อยที่ 3% YoY เป็น 1.12 พันล้านบาทใน 3Q เนื่องจากยอดขายต่างประเทศฟื้นตัวในตลาดต่างๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และปากีสถาน อย่างไรก็ตาม ความต้องการภายในประเทศค่อนข้างซบเซาเนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจเคลือบอาหาร (Newly Weds Foods ขยายธุรกิจออนไลน์ 30% ในช่วง 1H25) และความต้องการที่ซบเซาในกลุ่มเครื่องดื่ม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 34.4% จาก 34.6% ใน 3Q24 เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นและส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ด้วยค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 22.4% ของยอดขายจากการขยายสาขาในต่างประเทศ เราคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 139 ล้านบาท (-5% YoY, +8% QoQ)

เราคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ RBF โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 4.20 บาท อ้างอิงจากการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์
เราใช้การประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ โดยตั้งราคาเป้าหมายปี 2025F ไว้ที่ 4.20 บาท อ้างอิงจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) เฉลี่ยของบริษัทในกลุ่มเดียวกันที่ 18.0 เท่า ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ 1) อัตรากำไร (ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์) ที่ผันผวน และ 2) การกระจายตัวของรายได้ที่ต่ำในแง่ของจำนวนลูกค้า