ภาวะตลาด SET Index วานนี้ ปิดทรงตัวที่ 1308.86 (-0.64 จุด) มูลค่าซื้อขายลดลงเหลือ 2.9 หมื่นลบ. ทั้งนี้ตลาดยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามากระตุ้น ส่วนที่ติดตาม คือ รายงานผลประกอบการ 3Q25 และรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (ซึ่งคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ) นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ +649 ลบ. รายย่อยซื้อสุทธิ +1.4 พันลบ. ส่วนสถาบันในปท.ขายสุทธิ -1.9 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: ดัชนี PMI ภาคผลิตเดือนต.ค.ของ S&P Global เพิ่มเป็น 52.5 แต่ของ ISM ลดลงเป็ น 48.7 บ่งชี้ว่าการผลิตของสหรัฐยังไม่ได้แข็งแกร่งนัก
• สหรัฐ: จับตาศาลฎีกาสหรัฐไต่สวนคดีที่ว่า มาตรการภาษีทรัมป์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีทรัปม์ส่วนใหญ่ โดยระบุว่าทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย ด้านรมว.คลังสหรัฐระบุว่า ถ้าศาลตัดสินให้ยกเลิกมาตรการภาษีดังกล่าว รัฐบาลก็จะเปลี่ยนไปใช้อำนาจตามกฎหมายภาษีอื่นๆ เพื่อให้ภาษีศุลกากรยังคงมีผลบังคับใช้กับประเทศต่างๆต่อไป
• สหรัฐ: ชัตดาวน์ใกล้ทุบสถิติยาวนานสุด เหตุเดโมแครต-รีพับลิกันยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ด้วยชัตดาวน์ที่ยาวนานก็เริ่มกระทบความเชื่อมั่น
• สหรัฐ: จับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟดในเดือนธ.ค.นี้
• ดัชนี ตลาดหุ้นสหรัฐ mix การร่วงลงของหุ้น healthcareและชัตดาวน์ที่ยาวนาน กดดันให้ดัชนี DJIA ปิดลบ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกจากข้อตกลงด้าน AI ระหว่าง Amazon กับ OpenAI ราคาน้ำมันดิบ WTI & Brent เพิ่มเล็กน้อยเป็ น 61-65 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังจับตาภาวะอุปทานล้นตลาด สัญญาทองค ารีบาวด์ +17.50 US$ สู่ 4,014.00 US$/ออนซ์ จากดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น โดย ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเป็น 99.87 เงินบาทอ่อนเป็น 32.50 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปี อยู่ที่ 4.10% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 109.6 ดัชนี Baltic Dry Index ร่วงสู่1,945

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• รัฐบาลไฟเขียวมาตรการ "ซื้อ NPL ที่ไม่มีหลักประกัน" รวมกันไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย ผ่านกลไก AMC สุขุมวิทและ AMC อารีย์ โดยลูกหนี้เป็น NPL ในสิ้น 30 ก.ย.25 จำนวนประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี มูลหนี้รวมประมาณ 1.22 แสนลบ. หุ้นที่ คาดว่าจะได้ประโยชน์เป็นธ.พ.ที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกันมาก ไฟแนนซ์ ในเครือธ.พ. เช่น KTC, TIDLOR เป็นต้น
• KBANK: ชี้แจงว่าผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลภายในของธนาคาร สามารถซื้อขายหุ้นได้เป็นอิสระตามดุลพินิจ ในช่วงที่ธนาคารทำโครงการซื้อหุ้นคืน

กลยุทธ์ : SET ประคองตัวเหนือ 1300 จุดได้ ก็ยังมีโอกาสแกว่งขึ้นรอบใหม่ ดัชนี แกว่งตัว แต่ ยังไม่หลุดแนวจิตวิทยาที่ 1300 และยืนเหนือระดับนี้ได้ ทำให้ มีโอกาสที่จะแกว่งขึ้นรอบใหม่ได้ ระยะสั้นให้ แนวรับไว้ที่ 1305-1300, 1290 แต่ หากหลุดแนวรับและแนวฟิวเตอร์ที่ 1290 จะมีแนวรับถัดไป 1275-1270, 1265-1260 ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1320, 1330, 1345-1350 ตามลำดับ

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : TIDLOR – คาดกำไรสุทธิ 3Q25F โตแกร่ง +31% y/y เป็น 1.3 พันลบ. จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จากสินเชื่อเติบโต รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าขายประกันสูงขึ้น และต้นทุนเครดิตลดลง ด้าน NPL ratio สิ้น 3Q25F คาดจะลดเป็น 1.7% (จาก 1.78% สิ้น 2Q25) และมี coverage ratio สูงมากที่ 272% ในสิ้น 3Q25F แนวโน้ม 4Q25F ดีต่อ คาดเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดในปี นอกจากนั้น TIDLOR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BAY ได้อานิสงค์จากโครงการซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันเข้า AMC สุขุมวิท และ AMC อารีย์ด้วย แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 28.80 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829