สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 4 พฤศจิกายน 2568 )------- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ด้วยวอลุ่มที่เบาบาง หลังบรรยากาศลงทุนยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ อีกทั้งอยู่ระหว่างรอติดตามการทยอยประกาศงบ 3Q68 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานใหม่ JOLTs ในคืนนี้หากสามารถออกได้ในช่วงปิดหน่วยงานราชการ ทางเทคนิคประเมินตลาดแกว่งตัวรอเบรก กรอบล่างอยู่ที่ 1305-1300 ที่ต้องไม่หลุดต่ำกว่า ส่วนกรอบบนอยู่ที่ 1320-1323 ยืนเหนือได้จะขึ้นรอบใหม่
ประเด็นสำคัญ
• ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจอนุมัติหลักการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เสียผ่านการซื้อหนี้รายย่อยผ่านการจัดตั้ง AMC ร่วมกับ ธปท. และสถาบันการเงิน โดยจะเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสีย ช่วยลดภาระและเร่งปิดหนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 11 พ.ย. หุ้นที่ได้ประโยชน์คาดว่าเป็น KTC MTC และ BAM
• กพช. มีมติเห็นชอบหลักการเบื้องต้น “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Quick Big Win ชุมชนละไม่เกิน 10MW รวม 1,500MW โดยจะรับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ไม่เกิน 2.25 บาท/หน่วย ระยะสัญญา 25 ปี โดยสิทธิ REC/Carbon Credit เป็นของภาครัฐ
• ปธน. ทรัมป์เผยว่าชิป AI ขั้นสูง “Blackwell” ของ Nvidia จะไม่ส่งมอบให้ประเทศอื่นนอกสหรัฐฯ รวมถึงจีน แต่อาจอนุญาตให้ซื้อรุ่น Scaled-down Version แทน สะท้อนแนวทางการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีด้าน AI ที่เข้มงวด การประกาศนี้เกิดขึ้นหลัง Nvidia ส่งมอบชิป Blackwell ให้ Samsung Electronics
• Bharat Petroleum ผู้กลั่นน้ำมันรายใหญ่ของอินเดียได้สั่งซื้อน้ำมันดิบจาก UAE จำนวน 2 ล้านบาร์เรลและมีกำหนดส่งมอบในเดือนถัดไปเพื่อเป็นทางเลือกทดแทนน้ำมันรัสเซียสะท้อนโรงกลั่นอินเดียเริ่มไปซื้อจากแหล่งอื่นมากขึ้น ทำให้มีการแย่งชิงอุปทานในตะวันออกกลางและราคาผันผวน แนะนำ PRM เลี่ยงความผันผวน
• PMI ภาคการผลิตจีนโดย RatingDog ใน ต.ค. 2568 ลดลงสู่ระดับ 50.6 จากเดือนก่อนที่ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 51.2 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ กดดันจากผลกระทบต่อความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในเดือนดังกล่าว
กลยุทธ์การลงทุน 
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1280-1345 จุด ปัจจัยในประเทศติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 3Q68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector หลังงบหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าตลาดคาด และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล อาทิ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย โดยจะรับซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและค้างชำระไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ขณะที่เงินเฟ้อไทย ต.ค. 2568 คาดติดลบต่ออย่างน้อย 0.5%YoY (จาก ก.ย. ที่ -0.7%YoY) ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น การจ้างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ และดุลการค้า ต.ค. 2568 หากออกมาแย่ ตลาดจะให้น้ำหนักเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงต่อใน ธ.ค. นี้ 2) การประชุม BoE คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย และ 3) งบ 3Q68 ของ บจ. ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่คาดจะดีกว่าตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
แนวรับ – แนวต้าน : 1305/1300 – 1320/1325
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ 
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ ตลาดติดตามการรายงานผลประกอบการ 3Q68 กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 4 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลด หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น AP MTC TIDLOR รวมทั้งกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่มีแนวโน้มจะประกาศผลประกอบการ 3Q68 ออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ BCPG GFPT CPALL BGRIM 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากทรัมป์และสีจิ้นผิงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นได้ แนะนำ IVL PTTGC SCC SCGP 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการแก้หนี้ 4) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC)
 
Daily Top Picks
ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มกำไร 3Q68 ที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง +31.9%YoY จากรายได้ Mobile คาดโต +4.8%YoY (EPL Bundling) และ Fixed Broadband +7.6%YoY รวมถึงต้นทุนลดจากสัญญาสัมปทานประมาณ 300 ลบ. ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 307 บาท
CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาล ราคาหุ้นอ่อนตัวลงสวนทางกับผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q68 และกำไร 3Q68 คาดฟื้นตัว +15%QoQ และฟื้นตัวต่อเนื่องถึง 1Q69 จากโรงแรมมัลดีฟส์ที่เข้าสู่ High Season Valuation ยังไม่แพง PER ที่ -1SD เป้าหมายระยะสั้นที่ 33.50 บาท