วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นหลัก โดยในช่วงเปิดตลาดดัชนีปรับตัวขึ้น จากยอดการส่งออกเดือนก.ย. ขยายตัวมากกว่าตลาดคาด เป็นปัจจัยหนุนดัชนี อย่างไรก็ตาม Fund Flow ที่ไหลออก ทำให้ดัชนีปรับตัวลงมาอยู่ในแดนลบ แรงซื้อน าโดยหุ้นกลุ่มขนส่ง แรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ไอซีที ค้าปลีกและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,314.28 จุด -9.24 จุด +-0.70% มูลค่าการซื้อขาย44,039.59 ลบ. Program Trading -1,715.90 ลบ. ต่างชาติ -1,861.52 ลบ. TFEX +3,501 สัญญาตราสารหนี้+1,133.04 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 161.78 จุด หรือ +0.34% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ และการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
+ ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย14,250 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
+ นักลงทุนคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.7% ที่ FEDจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค.และให้น้ำหนัก 87.9% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75%ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.
+ Microsoft บรรลุข้อตกลงที่อนุญาตให้ OpenAI ทำการปรับโครงสร้างเป็นบริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์ (Public Benefit Corporation - PBC) ซึ่งทำให้Microsoft ได้รับสัดส่วนการถือหุ้น 27% ใน OpenAI ซึ่งเป็นผู้สร้าง ChatGPT
+ การพบกันระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และปธน.ดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในวันพฤหัสนี้คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับกรอบการค้าเพื่อลดภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บต่อสินค้าจีน แลกกับการที่จีนให้ค ามั่นว่าจะควบคุมการส่งออกสารเคมีตั้ง ต้นของเฟนทานิล
+ ธปท.เตรียมประกาศปลดล็อกแบงก์ร่วมทุน AMC ตั้ง JV AMC รอบใหม่ต้อนเข้าเครดิตบูโร เชื่อมฐานข้อมูลลูกหนี้ชุดใหญ่ คาดอีก 1-2 สัปดาห์ชัดเจนโครงการซื้อหนี้เน่าประชาชนไม่เกิน 1 แสนบาท

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ -1.89%ปิดที่ 60.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะประกาศปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกในการประชุมวันอาทิตย์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังประเมินว่า การที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียว่าจะมีผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกมากเพียงใด
- นักลงทุนคาดว่า FED จะประกาศยุติการใช้นโยบาย "คุมเข้มเชิงปริมาณ"(Quantitative Tightening) หรือ QT ในเดือนนี้ หลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่า FED อาจใกล้ถึงจุดที่จะยุติการลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งนี้ การยุตินโยบาย QT จะถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
- การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ติดต่อกัน 28 วันแล้วและมีความหวังริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ เตือนว่า โครงการสวัสดิการอาหาร (SNAP) หรือโครงการแสตมป์อาหารจะยุติลงในวันที่ 1 พ.ย. หากรัฐบาลยังคงปิดทำการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันราว 42 ล้านคน

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีเคลื่อนไหว Sideway เนื่องจาก Fund Flow ที่ไหลออกกดดันการปรับตัวขึ้นของดัชนี และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนคาดว่ากลุ่มโอเปกอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ธ.ค. นี้ อย่างไรก็ตามมาตรการคนละครึ่งพลัสที่เริ่มใช้ในวันนี้เป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก มองกรอบดัชนี 1,300-1,325 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
- โครงการคนละครึ่งพลัส : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP MOTHER
- เงินบาทกลับมาอ่อนค่า : CPF TU ITC BTG TFG
- Direct PPA : GULF BGRIM GPSC EGCO RATCH
- ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “เที่ยวดีมีคืน” : MINT ERW CENTEL AWC BA AAV
- สินค้าส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต : KCE HANA DELTA CCET TFG GFPT