AMATA : ยอดโอนเพิ่มขึ้นแต่ยอดจองลดลง
กำไรเพิ่มขึ้นจากการโอนที่ดิน
เราคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3Q25F ที่ 993 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 610% QoQ และ 30% YoY โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งนี้มาจากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 257% QoQ และ 54% YoY) ซึ่งปัจจัยหลักคือ การเร่งโอนที่ดินอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับการขยายอัตรากำไรอย่างมาก โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 40% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 29% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 181% QoQ เป็น 1.41 พันล้านบาท
ปริมาณการโอนที่ดินโดดเด่นใน 3Q25F
รายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้มีพื้นฐานจากการโอนที่ดินจำนวน 677 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นที่ดินในประเทศไทยจำนวน 664 ไร่ ส่งผลให้ยอดโอนสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 อยู่ที่ 1,100 ไร่ เพิ่มขึ้น 47% YoY ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสนับสนุนแนวทางของผู้บริหารที่ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถโอนที่ดินได้มากกว่า 50% จากแบ็กล็อกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2024 ภายในปี 2025
ปรับลดเป้าหมายพรีเซลส์จากความล่าช้าของลูกค้า
สวนทางกับการโอนที่ดินที่แข็งแกร่ง ผู้บริหารได้ปรับลดเป้าหมายการขายที่ดินล่วงหน้าทั้งปี 2025 ลงเหลือ 2,000 ไร่ จากเดิม 3,000 ไร่ หลังจากยอดพรีเซลส์ในไตรมาส 3/2025 ชะลอลงเหลือ 243 ไร่ ส่งผลให้ยอดสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 909 ไร่ โดยสาเหตุหลักมาจากการตัดสินใจที่ล่าช้าของลูกค้าชาวจีนซึ่งเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภาษีของสหรัฐฯ และกฎระเบียบด้านการส่งสินค้าผ่านประเทศ ผู้บริหารมองว่าการขาดเป้าหมาย 1,000 ไร่ เป็นเพียงการเลื่อนออกไป ไม่ใช่การยกเลิก โดยคาดว่าดีลเหล่านี้จะถูกเลื่อนไปยังปี 2026
ความต้องการเน้นไปที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และดาต้าเซ็นเตอร์
ความต้องการในประเทศไทยยังคงเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ และดาต้าเซ็นเตอร์ (DC) โดยนักลงทุนหลักมาจากจีน สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยมีลูกค้า DC ที่มีศักยภาพสูง 2 รายอยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 4/2025 แต่ผู้บริหารได้ใช้แนวทางแบบอนุรักษ์นิยมในการรับลูกค้าใหม่ในกลุ่ม DC เพื่อบริหารการใช้ทรัพยากรระยะยาว โดยเฉพาะน้ำ
แนวโน้มและคำแนะนำ
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” AMATA โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 35.00 บาท ได้รับแรงสนับสนุนจากการโอนแบ็กล็อกที่แข็งแกร่งซึ่งจะช่วยรักษารายได้ แม้ว่าการชะลอของพรีเซลอาจส่งผลต่อกำไรในอนาคต แต่เรายังสนับสนุนแนวโน้มในไตรมาส 4/2025 อย่างไรก็ตาม เราเห็นความเสี่ยงสำคัญที่บริษัทอาจไม่สามารถโอนได้ตามเป้าหมายจากความล่าช้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้