Company Note
SISB
แนวโน้มกำไรไตรมาส 3 เติบโต สวนทางกับจำนวนเด็กนักเรียนที่ลดลง
แนวโน้มกำไร Q3 เราคาดเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้ที่ยังเพิ่มขึ้น จากการเปิดเทอมการศึกษาใหม่รับรู้ค่าเทอมใหม่ประมาณ 1 เดือน และการกลับรายการบันทึกค่าเผื่อสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ในขณะที่จำนวนเด็กนักเรียนลดลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบต่อรายได้ผู้ปกครอง เราคาดแนวโน้ม Q4 กำไรเพิ่มขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ จากรับรู้รายได้เปิดเทอมใหม่เต็มไตรมาส แต่ค่าใช้จ่ายกลับมาเป็นปกติ แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้ว่าอัตราการเติบโตลดลงแต่เราคาดยังเติบโตได้ทุกปีต่อเนื่องประมาณ 9% (CAGR 3Y) ราคาหุ้นปัจจุบันปรับลดลงเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐาน PER forward เพียง 11X ต่ำกว่าในอดีตเฉลี่ยที่ผ่านมา 3Y เฉลี่ยที่ 39X
คาดกำไร 3Q25F เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
เราคาด SISB จะมีกำไรสุทธิ 3Q25F อยู่ที่ 249 ล้านบาท (+14% YoY, +11% QoQ) กำไรที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้เปิดเทอมใหม่ และจากการบันทึกกลับของการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายลูกหนี้และโบนัส แม้ว่าจำนวนนักเรียนจะลดลง เราคาดจำนวนนักเรียนลดลง 83 คน จาก 2Q25 มาอยู่ที่ 4,570 คน โดยสาขาประชาอุทิศที่ลดลงเป็นหลัก จากความผันผวนของนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะนักเรียนจีน และนักเรียนไทยที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสาขาระยองลดลงจากการปรับแผนใหม่ไม่มีระดับชั้นมัธยม ในขณะที่สาขาอื่นๆ มีจำนวนนักเรียนทรงๆได้แก่ ธนบุรี เชียงใหม่ สุวรรณภูมิ สำหรับสาขานนทบุรีมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นใกล้เคียง QoQ จากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นบุคลากรครูเป็นหลัก แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากการบวกกลับรายการตั้งโบนัสและค่าเผื่อสำรองหนี้สงสัยจะสูญ
ยังคงประมาณการเดิม คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 9% (3Y CAGR)
แนวโน้มกำไร 4Q25F เราคาดจะดีขึ้น YoY และทรงตัว QoQ จากคาดรายได้จะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ค่าเทอมใหม่เต็มไตรมาส แต่ค่าใช้จ่ายอาจจะกลับมาเป็นปกติจากการไม่มีการบวกกลับรายการพิเศษเหมือนใน Q3 เรายังคงประมาณการเดิม คาดยังเติบโตได้อยู่ที่ปีละ 9% จากคาดจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 100 คน และ 150 คน ตามลำดับ และคาดอัตราการขึ้นค่าเทอม 3% และ 5% ตามลำดับ โดยการเติบโตมาจากการขยายสาขาเดิมในช่วงปี 2024-25 จำนวน 1,800 ที่นั่งหรือเพิ่มขึ้น 27% และสาขาใหม่นนทบุรีที่มีจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่คงที่จากบุคลากรครูเป็นหลัก เราคาดอัตราทำกำไรเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนนักเรียนต่อครูที่ 8:1 และคาดอัตราส่วนจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการเกิดการประหยัดขนาด (economy of scale)
เรายังคงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของโรงเรียนทุกสาขาที่มีทำเลดีและค่าเทอมอยู่ระดับกลางในกลุ่มโรงเรียน Inter Premium รวมถึงมีหลักสูตรสิงคโปร์ 3 ภาษา ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นตอบโจทย์ผู้ปกครอง ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 22 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 10%, T-growth 1%) บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash) ความเสี่ยง : 1) การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ 2) การขาดแคลนบุคลากร