Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

89

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ อัปเดตแนวโน้มตลาดหุ้นโลกและทองคำ
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะการลงทุนทั่วโลกเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน โดยดัชนี MSCI ACWI ปรับขึ้น 1.8% และราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นถึง 6.9% อย่างไรก็ตาม ราคาโลหะมีค่าอย่างทองคำและเงินกลับเผชิญแรงเทขาย โดยปรับตัวลดลง 3.3% และ 6.3% ตามลำดับ

ด้านตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ 3.1% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มธนาคาร ที่ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น 8.4% และ 5.2% ตามลำดับ


ประเด็นสำคัญในต่างประเทศที่น่าสนใจ
จีนกำลังกำหนดทิศทางเศรษฐกิจใหม่ผ่านร่างแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 โดยส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะให้ความสำคัญกับการยกระดับผลิตภาพด้วยเทคโนโลยีมากกว่าการพยุงเศรษฐกิจด้วยมาตรการระยะสั้น การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคฯ สะท้อนจุดเปลี่ยนด้านยุทธศาสตร์จากเฟส สร้างความมั่นคง สู่เฟสวางรากฐานการเติบโตเชิงคุณภาพระยะยาว ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมคือศูนย์กลางของการขับเคลื่อนใหม่

แรงผลักสำคัญคือโครงสร้างการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ ที่เข้มข้นขึ้น ทำให้จีนต้องเลือกเดินหน้าสู่การพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี มากกว่าหวังพึ่งมาตรการกระตุ้นการบริโภคครั้งใหญ่ ดังที่ตลาดมักคาดหวังตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเติบโตในช่วงต้นของการเปลี่ยนผ่านนี้อาจช้าลง แต่จีนยอมแลกเพื่อสร้างศักยภาพการเติบโตที่มั่นคงกว่าในอนาคต ด้วยการลงทุนในโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่

ปัจจัยขับเคลื่อนอยู่ที่ฝั่งอุปทาน ตั้งแต่การพัฒนา AI เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ยกระดับเซมิคอนดักเตอร์ สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม และรักษาฐานการผลิตยุทธศาสตร์ให้แข็งแรง แนวทางนี้ต่อยอดจาก Made in China และ Dual Circulation แต่มีน้ำหนักเชิงยุทธศาสตร์สูงขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อการกีดกันด้านเทคโนโลยี


ผลลัพธ์ด้านมหภาค คือเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงการเติบโตแบบ low-flation สะท้อนว่า Nominal GDP อาจถูกจำกัดในช่วงแรก เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ในโหมดประคองเสถียรภาพมากกว่าขยายตัว และการบริโภคภายในประเทศซึ่งมีสัดส่วนราว 40% ของ GDP ยังขาดแรงขับเพียงพอ ภาพนี้หมายถึงแรงส่งจากนโยบายฝั่งอุปสงค์จะไม่เด่น ขณะที่แรงเสียดทานด้านภูมิรัฐศาสตร์จากการพึ่งพาการผลิตและส่งออกยังคงอยู่


อย่างไรก็ดี จากการที่จีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านโมเดลเศรษฐกิจ จากเดิมที่อาศัยการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อ ไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภาพ (Innovation-led Industrial Upgrading) การเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมส่งผลให้ตลาดจีนไม่ได้มีลักษณะเป็น broad beta market ดังเช่นในอดีต ที่นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนตามการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมได้ง่าย แต่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของ structural alpha นั่นคือ การเติบโตของจีนในอนาคตจะไม่กระจายตัวในทุกภาคส่วน แต่จะกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น กลยุทธ์จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการลงทุน ในตลาดวงกว้าง มาเป็นการคัดเลือกธีมหรืออุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์เชิงโครงสร้างในระยะยาว เช่น กลุ่มที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ

เราคาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงส์ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ AI infrastructure อัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เทคโนโลยีการบิน-อวกาศ โซลูชัน IoT และอุตสาหกรรมดิจิทัล ขณะที่กลุ่มบริโภค สินค้าฟุ่มเฟือย และอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มฟื้นตัวจำกัดเพราะขาดแรงหนุนด้านกำลังซื้อในประเทศ

ความเสี่ยงต้องติดตามคือ ความพยายามเร่งการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีอาจเพิ่มแรงปะทะกับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ซึ่งมีแนวโน้มยืดเยื้อเกินกรอบ 5 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการแยกขั้วด้านเทคโนโลยีมีมากขึ้น

Investment Implication:
จีนกำลังปรับยุทธศาสตร์ไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน โดยมุ่งสร้างรากฐานที่มั่นคงจากผลิตภาพและนวัตกรรมเทคโนโลยี แทนการพึ่งพิงวัฏจักรเศรษฐกิจระยะสั้น การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์นี้ส่งสัญญาณให้นักลงทุนต้องปรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยเปลี่ยนจากการคาดหวังมาตรการกระตุ้นระยะสั้น (Policy Boost) ไปสู่การคัดสรร Structural Winners หรือบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตโดดเด่นสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของรัฐบาล โดยเฉพาะในธีมเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล

แนวโน้มราคาสินทรัพย์ต่างๆ ในสัปดาห์นี้

แม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะมีข่าวบวกจากการที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุฉันทามติเบื้องต้นในประเด็นสำคัญ (ยาเฟนทานิล และภาษีเรือ) รวมถึงมีความคืบหน้าในการหารือหัวข้ออื่นๆ เพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงกังวลต่อสภาวะ Stretched Position ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะสั้น ซึ่งสะท้อนจาก Momentum Tracker ของดัชนี S&P500 และ Nasdaq100 ที่เข้าสู่ภาวะ Overbought
ปัจจัยนี้อาจทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวมยังเต็มไปด้วยความผันผวน และส่งผลให้ภาวะ Rolling Correction (การปรับฐานที่ไม่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งระบบ) อาจยังดำเนินต่อไป เราจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ทยอยสะสม แทนการเข้าซื้อในครั้งเดียว เพื่อกระจายความเสี่ยงท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังไม่แน่นอน

เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทน (yield) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3.9% ในอนาคตอันใกล้ ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการคาดการณ์ที่ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 29 ตุลาคมนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนกันยายน ชะลอตัวลงสู่ 3.0% จาก 3.1% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1%

ราคาทองคำ (Gold Spot) ยังคงมีแนวโน้มผันผวนสูง แม้ในสัปดาห์นี้จะมีโอกาสรีบาวด์ในระยะสั้นก็ตาม โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ราคาพยายามสร้างฐานในช่วง 4,000-4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปลายสัปดาห์ก่อน ประกอบกับความคาดหวังของตลาดต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed

อย่างไรก็ตาม ภาวะ super stretched (ตึงตัวอย่างมาก) ของ Momentum Tracker ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน ซึ่งส่งผลให้การฟื้นตัวครั้งนี้อาจยังขาดเสถียรภาพและมีความเปราะบาง

ราคาน้ำมันดิบ Brent มีแนวโน้มพักตัวสั้นๆ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 7% ในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าหลังจากการย่อตัวนี้ ราคาจะยังปรับขึ้นต่อไปได้ โดยคาดว่าจะสามารถทะลุแนวต้าน 66 ดอลลาร์ (ที่ให้ไว้สัปดาห์ก่อน) และขึ้นไปทดสอบโซนเป้าหมายใหม่ที่ 68-72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการที่สหรัฐฯ ประกาศแซงชั่นบริษัทน้ำมันรัสเซีย

แม้ดัชนี SET จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน 1,320 จุดในสัปดาห์นี้ แต่เราประเมินว่าการปรับขึ้นอาจยังขาดเสถียรภาพและยืนระยะได้ไม่นาน ปัจจัยกดดันมาจากการที่ Momentum Tracker ของเซคเตอร์ขนาดใหญ่อย่างอิเล็กทรอนิกส์ ได้เข้าสู่ภาวะตึงตัวมาก ขณะที่ Momentum Tracker ของอีกหลายเซคเตอร์ก็เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงลง
Quant Focus List (สัปดาห์นี้):
 Bank: TTB
 Commerce: CPALL, CPN
 Finance: MTC
 ICT: TRUE
 Utilities: GULF

สรุปภาพตลาดวานนี้
สุดสัปดาห์ที่แล้ว SET บวกต่อ นำโดยหุ้นใหญ่ DELTA PTT PTTEP KTB BBL KBANK TRUE ADVANC CPALL แต่มีแรงขายใน BDMS BH THAI และขายแรงใน GLOBAL M เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
แกว่งตัวเชิงบวก
หุ้นกลุ่มธนาคารรายงานกำไรดีเกินคาด ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เสริมทัพด้วยหุ้นพลังงาน น้ำมัน โรงกลั่น เหตุจากบริษัทน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ 2 แห่ง ถูกสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตร โดย 2 บริษัทมีกำลังการผลิตคิดเป็น 5% ของกำลังการผลิตโลก
คาดแนวโน้มสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวเชิงบวก โดยยกฐานแนวรับสูงขึ้น เป็น 1290 จุด และแนวต้าน 1320 จุด อิงตามพัฒนาการเชิงบวก ของกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีลุ้นกำไรดีเกินคาด ช่วยเพิ่มแรงซื้อเก็งกำไรงบ เช่นเดียวกับที่เกิดกับ ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร
กอปรกับ ความชัดเจน 2 เรื่องจากปัจจัยมหภาค ที่คาดว่าจะมีข้อสรุปเชิงบวก ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ตลาดคาดลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.75-4% พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธค. (อาจมีแถมเรื่อง กรอบระยะเวลาที่จะยุติโครงการ QT) โดยประเด็น “เฟด” เรามองเป็นกลางถึงบวก ไม่มีประเด็นสร้างความประหลาดใจเชิงลบ และไม่น่าจะมีแรงขาย Sell on fact ตามมา
เรื่องสงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ 24-27 ต.ค.นี้ ก่อนจะได้ข้อสรุปและคาดจะเห็นรายละเอียดข่าวนี้ ช่วง 29-30 ต.ค. โดยเรามองเป็นกลางถึงบวกในช่วงที่ข่าวออก แต่อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นไทยและหุ้นโลก-ขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงและท่าทีของ ปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และจีนที่มีกำหนดพบปะกันนอกรอบช่วงการประชุม เอเปก ระหว่าง 31 ต.ค.-1 พ.ย. นี้ โดยเราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวได้ และรับมือได้ดีกว่าตลาดหุ้นโลก กับถ้อยแถลงของ ปธน.เรื่องการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน เราคาดจะได้ข้อสรุปทันก่อนเส้นตายครั้งใหม่ 10 พ.ย.นี้
คาดหุ้นกลุ่มเด่นระยะสัปดาห์: โรงไฟฟ้า พลังงาน สื่อสารฯ ค้าปลีก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
คาดหุ้นกลุ่มด้อย: ธนาคาร (คาดมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น Sell on fact งบออก) สินเชื่อ

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-รอสะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร


วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET index (week) ทำจุดต่ำสุดที่ 1281 และจุดสูงสุดที่ 1,321 ปิดสวย ใกล้ high เกือบเต็มหลอด ขณะที่ EMA 10&50 ตัดขึ้น “Golden cross” + MACD > 0 บ่งชี้เราเทรดอยู่ในภาวะกระทิง วิ่งอยู่ในเลนขาขึ้นมีสลับย่อบ้าง แต่ยังรักษาโมเมนตัมขาขึ้นได้อย่างเหนียวแน่นตามแผน! จับตา Price pattern 2 ครั้งล่าสุด “Bearish rectangle & Triple bottom” แม่นยำ ดัชนีลง-ขึ้นตามสัญญาณชี้นำ ปัจจุบันเกิดภาพ “Bullish rectangle” กำลังทะลุกรอบบน มองเป้าหมายไปได้ถึง 1,350 จุด (แต่ต้องลุ้นให้ทะลุต้านที่ให้ไว้ที่ 1330 จุดให้ได้เสียก่อน!) สรุป: แนวโน้มตลาดขาขึ้น ชัดขึ้น...โซนรับขยับขึ้นเป็น 1,280 จุด Trailing stop ตามดัชนี
ปล.ช่วงไว้อาลัยและมาตรการไว้ทุกข์จะเป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อกลุ่มมีเดีย แนะระมัดระวัง PLANB & VGI
ไฮไลท์หุ้นเด่น: แผนเทรดหุ้นโรงกลั่น TOP & SPRC / BGRIM ทะลุ high….ตามแผน/ AOT สู้ที่โซนรับ/ CPALL ลุ้นทะลุ EMA 200 วัน/ GULF แผนทะลุด่าน 2...

 

What to watch
คาดวันประกาศงบสัปดาห์นี้ อังคาร 28 SCGP GLOBAL HMPRO พุธ 29 SCC พฤหัส 30 ITC PTTEP
เบสเซนต์รับ สหรัฐฯ-จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า ก่อนพบปะ "ทรัมป์-สี"เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) ที่เกาหลีใต้ เบสเซนต์กล่าวหลังประชุมกับคณะผู้แทนจีนว่า ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญ ทั้งการค้า แร่หายาก สารเฟนทานิล ติ๊กต๊อก (TikTok) สินค้าเกษตร และความสัมพันธ์ทวิภาคี นอกจากนี้ เบสเซนต์ยังระบุว่า การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และครอบคลุมทุกมิติ และเสริมว่า การขยายระยะเวลาพักรบทางการค้าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์
สงครามการค้า จีน สหรัฐฯ ที่ได้ข้อยุติลงชั่วคราวเมื่อเดือน พ.ค. (โดยระงับการเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตราเลขสามหลัก) กำลังจะถึงเส้นตายใหม่ วันที่ 10 พย. ซึ่งต้องเร่งหา ข้อยุติชั่วคราวครั้งใหม่ให้ทัน...
กสทช.จ่อเสนอดีอีชง"เน็ตคนละครึ่ง"160 บาทเล่น 40GB เข้าครม.สัปดาห์หน้า โครงการ "อินเทอร์เน็ตคนละครึ่ง" ช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและยกระดับทักษะดิจิทัล โดยผลของการหารือร่วมกับค่ายมือถือ ผู้ร่วมโครงการจะได้บริการอินเทอร์เน็ตราคา 160 บาท ( รวม VAT) ความเร็วที่ 40 GB ระยะเวลา 30 วัน หลังจากสิ้นสุดกำหนดเวลา ให้ใช้ได้ความเร็ว 512 MB ทั้งนี้บริการนี้ไม่รวม บริการเสียง non voice
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้
COM7 คาดกำไรไตรมาส 3/25 ที่ 878 ล้านบาท +22% y-y, -12% q-q หุ้นแนะนำตามมุมมองพื้นฐานต่อทิศทางกำไรที่เติบโตสูง
แนวรับ 25.5 ต้าน 27 Stop loss 25

Tactical port เพิ่ม COM7 ถอด AAV


รายงานพื้นฐานวันนี้

AOT
ท่าอากาศยานไทย
กัปตันนำทีมสู่ยุค “Skyconomy” เตรียมชูบทบาท Aviation Hub
ในงาน “Skyconomy” วันที่ 28 ต.ค. นี้ เรามองว่า AOT จะเป็นแกนหลัก เพื่อกำหนดทิศทางเศรษฐกิจการบินไทย โดย รักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ คุณปวีณา จริยฐิติพงศ์ คาดนอกจากจะชี้แจงแผนระยะสั้น เช่น การแก้ปัญหาสัมปทานดิวตี้ฟรี และแนวทางหลังการขึ้นค่า PSC และแนวทางการรักษาความสามารถแข่งขันระดับภูมิภาค นอกจากนี้ คาดจะได้ข้อมูลก่อนใครเกี่ยวกับมุมมองการทบทวนแผนลงทุนระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของผู้โดยสารและหลีกเลี่ยงการลงทุนเกินจำเป็น
ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2026 นั้น AOT ตั้งเป้าผู้โดยสาร 135.3 ล้านคน (+7.4% YoY) และเที่ยวบิน 844,443 เที่ยว (+7.2% YoY) ได้แรงหนุนจากสายการบินอินเดีย–ตะวันออกกลางและการบินไทยที่เพิ่มเที่ยวบิน รวมถึงรายได้ใหม่จากค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และธุรกิจภาคพื้น AOTGA
เราคาดเห็นการขึ้น PSC เม.ย. 2026 (+200 บาทระหว่างประเทศ, +100 บาทภายในประเทศ) จะเพิ่มรายได้ราว 6.5 พันล้านบาท (+24% YoY) และช่วยหนุนสัดส่วนรายได้ aero:non-aero เป็น 61:39 ในปี 2027 ชดเชยแรงกดดันจากดิวตี้ฟรีและหนุนกำไรกลับสู่ระดับก่อนโควิด โดยรวมคาดแนวโน้มรายได้แข็งแกร่งหลังขึ้น PSC คาดกำไรเติบโต 20% ในปี 2026 และ 24% ในปี 2027
(ขอเชิญรับฟังพร้อมกันได้ในงาน Event ในวันที่ 28 ต.ค. นี้)

TIDLOR (Idea)
ติดล้อ โฮลดิ้งส์
คุ้มค่าที่จะจ่าย
เรามองว่า TIDLOR เป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม Retail Finance เพราะมีแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และ valuation ที่ไม่แพง ทำให้เราเลือกเป็นหุ้น top pick ของกลุ่มฯ โดยเราแนะนำ ซื้อ จาก 3 เหตุผล ได้แก่
1) ประเมินว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์และ NIM จะฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้า หนุนจากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ เรายังเห็น NPLs/loans ratio ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO ปรับลดลงใน 3Q25 ซึ่งก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR จะฟื้นตัวด้วยเช่นกัน เพราะจากการศึกษาของเราพบว่า NPLs/loans ratio ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO กับ NPLs/loans ratio ของ TIDLOR มี correlation กันอยู่ 67% นอกจากนี้ จากการศึกษาของเรา พบว่าแนวโน้ม cost of funds ของ TIDLOR จะเริ่มทยอยปรับลดลงตั้งแต่ 4Q25 เป็นต้นไป
2) คาดกำไรสุทธิ 3Q25 สูงกว่าที่เราคาดไว้เดิมราว 4% โดยคาดที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YoY (และทรงตัว QoQ) โดยเราเห็นสินเชื่อยังเติบโตได้ต่อเนื่อง 6% YoY และ 2% QoQ ขณะที่ NIM จะเริ่มขยายตัวได้ QoQ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ก็น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
เรามีปรับประมาณการกำไรปี 2025 ขึ้น 2% และปี 2026 ขึ้น 3% โดยปรับสมมติฐาน credit cost และ cost/income ratio ลง เนื่องจากเรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR มากขึ้น ซึ่งหลังจากปรับประมาณการ เราคาดกำไรปีนี้ ของ TIDLOR จะเติบโตได้ 17% YoY และเติบโตต่อเนื่องอีก 13% YoY ปี 2026 สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Retail Finance
3) มี risk to reward proposition ที่ดีสุดในกลุ่ม Retail Finance เพราะมี valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่ม Retail Finance แถมยังมีแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีด้วย โดย TIDLOR มี PEG ratio ที่ 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Retail Finance ที่ 1.8 เท่าอยู่มาก นอกจากนี้ TIDLOR ยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง สะท้อนจาก loan-loss coverage ratio ที่สูงสุดในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ 262%

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

MASTEC เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก

MASTEC เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก

"PTG -สโมสรฟุตบอล พีที ประจวบ เอฟซี" รวมพลังทำดีเพื่อสังคม

"PTG -สโมสรฟุตบอล พีที ประจวบ เอฟซี" รวมพลังทำดีเพื่อสังคม

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้