สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 ตุลาคม 2568)--------------สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
• เงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อย แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนในระหว่างสัปดาห์
เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินเยน หลังตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค. นี้หากพรรค LDP สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรค Innovation Party และเปิดทางให้นาง Sanae Takaichi ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนในช่วงที่ตลาดรอประเมินผลจากการหารือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับผลกระทบจากทิศทางค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำโลก หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย
• ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 2ระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย7,777 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,584 ล้านบาท(ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,589 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ4,005 ล้านบาท)
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยส าคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทย ผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) สถานการณ์ราคาทองค าในตลาดโลก และทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐฯประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผลการประชุม BOJ (29-30 ต.ค.) และการประชุม ECB (30 ต.ค.) รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน และข้อมูล PMIเดือนต.ค. รายงานโดยทางการจีน