สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (20 ตุลาคม 2568 )-----ผู้นำภาคประชาสังคม และผู้นำชุมชนฐานรากจากทั่วเอเชีย เดินหน้าท้าทายแนวคิดเดิมในการกำกับดูแลความรับผิดชอบขององค์กรแบบ ‘บนลงล่าง’ (top-down) โดยเน้นย้ำถึงนวัตกรรมและโมเดลที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights – BHR) ของผู้ได้รับผลกระทบ
การเสวนาหัวข้อ “Beyond Crisis: Innovating Community-Led Approaches for Remedy and Corporate Accountability” ร่วมจัดโดย Oxfam in Asia, Association of Professional Social Workers and Development Practitioners (APSWDP) India บริษัท ป่าสาละ จำกัด และพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (Human Rights and Development Foundation – HRDF) มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation) และมูลนิธิรักษ์ไทย (Raks Thai Foundation) ระหว่างวันที่ 15-19 กันยายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดยเป็นหนึ่งในวาระของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 7 (United Nations Responsible Business and Human Rights Forum – UNRBHR)
ทางด้าน รภัสสา ไตรรัตน์ ผู้จัดการแผนงานภาคเอกชน Oxfam in Asia นำเสนอโมเดลการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (Community-Based Human Rights Impact Assessment – COBHRAS) ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการประเมินผลกระทบที่แตกต่างจากการที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยแบบจำลองนี้มุ่งเน้นการเสริมศักยภาพให้ชุมชนมีเครื่องมือในการประเมินว่ากิจกรรมทางธุรกิจส่งผลกระทบต่อสิทธิของพวกเขาอย่างไร เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ และนำไปสู่การปรับสมดุลอำนาจระหว่างชุมชนกับภาคธุรกิจ
ฮย็อนพิล นา กรรมการบริหาร Korean House for International Solidarity (KHIS) แบ่งปันบทเรียนจากประสบการณ์ตรงของเกาหลีกับกลไกศูนย์ติดต่อประสานงานแห่งชาติ (National Contact Point – NCP) ของ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development – OECD) โดยสะท้อนทั้งข้อจำกัดและศักยภาพของกลไก NCP พร้อมกล่าวว่า “แม้ว่ากระบวนการ NCP จะไม่ใช่กลไกในกระบวนการยุติธรรม และบ่อยครั้งก็ยังไม่สามารถนำไปสู่การเยียวยาที่แท้จริงได้ ทว่ากลไกนี้ก็ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยสร้างการรับรู้ให้กับแคมเปญ และพื้นที่สำคัญในการสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐ”