AT THE OPEN (#ATO)
SET Index คาดมีรีบาวน์
กลยุทธ์หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดรีบาวน์ตามกรอบ 1270-1285 จุด มีสัญญาณผ่อนคลายระยะสั้นจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ปัญหา Regional Bank ในสหรัฐฯ ส่วนในประเทศมีความคืบหน้าการนโยบายเร่งลงทุนภาคเอกชน หุ้นเด่นวันนี้ ชอบ CPAXT และระยะสัปดาห์เลือก PR9
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาฟื้นตัว 0.5% แรงหนุนมาจากความกังวลต่อ Regional Bank ลดลง หลังตลาดเชื่อว่าจะเป็นความเสี่ยงเฉพาะตัวมากกว่าความเสี่ยงเชิงระบบ และความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง จากประธานาธิบดี ทรัมป์เผยการประชุมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงช่วงปลายเดือน ต.ค. ยังเป็นไปได้ ขณะที่ รมว.คลังเผยว่าจะมีการประชุมกับจีนในสัปดาห์นี้เพื่อหาแนวทางออกร่วมกัน เรามองสภาพแวดล้อมข้างต้นจะเป็นบวกต่อทิศทาง SET Index ฟื้นตัวกลับในวันนี้
การประชุมบอร์ด BOI เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีมติตั้งคณะกรรมการ 3 คณะ สำหรับแก้ปัญหาไฟฟ้า จัดหาพื้นที่ลงทุนและวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อเร่งการลงทุนจริงคาด 4 เดือนปลดล็อค กว่า 70 โครงการใหญ่รวมมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท และจัดตั้งกลไก Thailand Fast Pass เป็นช่องทางพิเศษในการขออนุญาตประกอบธุรกิจต่างๆเพื่อเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญ ซึ่งเป็นโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนแล้ว โครงการลงทุนไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์และชิ้นส่วน เซมิคอนดักเตอร์ ดิจิทัลและ AI เป็นต้น มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมและโครงการลงทุนที่เกี่ยวกับ DATA CENTER ที่มีเม็ดเงินขอรับลงทุนส่งเสริมการลงทุนในระดับสูง ซึ่งหุ้นได้ประโยชน์ ชอบ WHA AMATA และ BGRIM
วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น GDP 3Q68 (คาดว่า +4.7%YoY) ยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. (คาด +3%YoY) และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. (คาด +5%YoY) และการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระหว่างวันที่ 20-23 ต.ค. ทำให้หุ้นในกลุ่ม China Play อย่าง PTTGC SCGP กลับมาอยู่ในจุดสนใจ แต่เราแนะนำเพียงเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการยังฟื้นตัวช้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นการรายงานงบกลุ่มธนาคาร KKP BBL และ KTB
Market Summary
SET Index ปรับลง -16.9 จุด หรือ -1.3% โดยเป็นการปรับลงเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กดดันหลักจากกลุ่มอิเล็คฯ ที่กดดันดัชนี 5 จุดจาก DELTA -2.6% กลุ่มพลังงานกดดันดัชนี 3 จุด กลุ่มน้ำมัน PTTEP -2.3% และโรงกลั่น TOP -3.6% ตามการปรับลงของราคาน้ำมันดิบ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ลงแรง กลุ่มปิโตรฯ -4.7% ตามทิศทาง Spread ที่อยู่ระดับต่ำ กลุ่มอสังหาฯ -1.9% ส่วนกลุ่มที่ Outperform กลุ่มโรงไฟฟ้า BPP +2.9% EGCO +1.1% จาก U.S. bond yield ปรับลง ต่างชาติขาย 2.1 พันล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 266 ล้านบาท
DAILY Stock Pick
CPAXT
มาตรการคนละครึ่งพลัส หนุน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.00 บาท
โครงการคนละครึ่งพลัส วงเงิน 4.4 หมื่นลบ. เริ่มลงทะเบียน ในวันที่ 20-26 ต.ค. โดยเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 29 ต.ค - 31 ธ.ค. หนุนกำลังซื้อของภาคประชาชน โดยสถิติในอดีตพบว่า CPAXT มี SSSG มีโอกาสเป็นบวกสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก จาก 5 รอบที่ผ่านมา
เราคาด CPAXT กำไรใน 2H68 +%HoH จาก Synergy ที่มากขึ้น ผ่านทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินการ ประกอบกับการเปิดสาขาใหม่ ณ ราคาปัจจุบันถูกซื้อขายที่ PE’68 ที่ 19 เท่า (-0.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ประกอบกับอัตราเงินปันผลที่ 3.4%
Technical View
แนวรับ : 21.40 บาท
แนวต้าน : 22.00 บาท
จุดตัดขาดทุน : 21.00 บาท
WEEKLY Stock Pick
PR9
งบไตรมาส 3 ทำจุดสูงสุดใหม่
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.00 บาท
เราคาดกำไร 3Q68 อยู่ที่ 222 ล้านบาท (+7%YoY, +22%QoQ) เติบโตทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ตามผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตถึง 60%YoY คิดเป็น 26% ของรายได้ประจำไตรมาสดังกล่าว
เราชอบ PR9 เป็น Top pick ในกลุ่มโรงพยาบาลของเรา เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงสุดในกลุ่ม 17% ในปี 2567-2570 เทียบกับกลุ่มที่ 3% จาก กลยุทธ์ value for money พร้อมกับการเปิดตลาดใน UAE เพิ่มเติม
Technical View
แนวรับ : 23.00 บาท
แนวต้าน : 24.10 บาท
จุดตัดขาดทุน : 22.50 บาท
KEY FACTOR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ ได้แรงหนุนจาก 1) สัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เตรียมเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ในสัปดาห์นี้ ระหว่าง Scott Bessent และรองนายกฯจีน He Lifeng ซึ่งคาดว่าจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้ง ผสานกับท่าทีที่อ่อนลงของทั้งสองฝ่าย ทางการจีนก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ามาตราการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากเป็นกลไกระยะยาวเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ยังไม่กระทบต่อการค้าในระยะสั้น เช่นเดียวับ ปธน.ทรัมป์ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงอาจเกิดขึ้นได้ 2) ผลประกอบการแข็งแกร่งของธนาคารระดับภูมิภาคที่ช่วยคลายความกังวลด้านสินเชื่อ ดัชนี S&P 500 ปิดบวก +0.53% ส่วนดัชนี VIX ลดลงมาอยู่ราว 21 จุด
EYES ON
ในสัปดาห์ รายงานงบฯ 3Q68, การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
20 ต.ค. GDP 3Q68 ของจีน, ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน, ดอกเบี้ย LPR 1 และ 5 ปี, การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน (20-23 ต.ค.)
24 ต.ค. เงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.ย., S&P Global PMI เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ, HCOB PMI เดือน ต.ค. ของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ