QT ผ่อน หนุน SET อาจเขียวขจีเด่น

HORIZON MARKET VIEW
• ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรอบใหม่ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะ สั้นต่อตลาดหุ้น ขณะที่ล่าสุดจีนประกาศคว่ำบาตรบริษัทต่อเรือสัญชาติเกาหลีใต้ใน เครือ HANWHA OCEAN ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ จำนวน 5 แห่ง โดยมีผลบังคับใช้ 14 ต.ค. 68 นอกจากนี้ จีนยังเปิดไต่สวนผลกระทบ “มาตรา 301” ของสหรัฐฯ ที่มีต่อ อุตสาหกรรมเดินเรือ-ต่อเรือจีน ซึ่งในเวลาต่อมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าอาจยุติการค้า ด้านน้ำมันพืชกับจีน เพื่อโต้ตอบที่จีนไม่ซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ
• ในแง่มุมของนโยบายการเงิน ประธาน FED เผยว่าอาจใกล้ยุติมาตรการ QT หลังส่ง สัญญาณใกล้บรรลุเป้าหมายของการมีทุนสำรองเพียงพอสำหรับธนาคารต่าง ๆ
• สำหรับทิศทางดอกบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ต.ค. 68 และเดือน ธ.ค. 68 (ตาม DOT PLOT)

 

REGION RADAR
• หุ้นกลุ่ม BANKS ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่ ตลาดคาดการณ์ หลังได้แรงหนุนจากธุรกิจ IB ที่เติบโตแข็งแกร่งจาก ความต้องการ M&A และ IPO ที่มากขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะนำ ทยอยสะสม JPMUS19และ GS80 หากราคามีการปรับตัวลงมา
• ในช่วงไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่ EPS ของดัชนี S&P 500 ออกมา แข็งแกร่ง จากสถิติย้อนหลังที่ผ่านมา EPS ของดัชนี S&P 500 เติบโต เฉลี่ยราว 8% QOQ และ 14% YOY รอติดตามผลประกอบการกลุ่ม REAL SECTOR ต่อว่าจะสอดคล้องกับสถิติหรือไม่?

 

THAI FOCUS
• IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.2% ในปี 2568 เพิ่มขึ้น จากประมาณการครั้งก่อน เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ยุโรป ส่วนไทยคาด GDP ไทยโต 2.0% ปีนี้ต่ำสุดในกลุ่ม ASEAN-5จากการลงทุนเอกชน ชะลอและปัจจัยโครงสร้างประชากรที่น่ากังวล
• วานนี้การประชุม ครม.นี้ มีมติอนุมัตินโยบายกระตุ้นงานวิ่งวงเงิน 456 ล้านบาท + งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 69 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท รวมถึง อาจมีมาตรการ “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ที่เตรียมเสนอเข้า ครม. โดย เสนอสิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท

 

SYNAPSE STRATEGY
• ประเด็น TARIFF กับความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันตลาดหุ้น สหรัฐ ที่มี P/E 35 เท่า (VALUATION แพง) ผันผวนกว่าปกติ แต่ สภาพคล่องที่ล้นระบบ ส่งผลให้เห็นการหมุนเม็ดเงินจากหุ้น GROWTH มาสู่หุ้น VALUE มากขึ้น แนะ BRK80, LLY80, PEP80
• ส่วนตลาดหุ้นไทย FUND FLOW ยัง ไหลออก 4 วันติด -5.3 พันล้าน บาท ยามตลาดย่อแนะเก็งกำไร หุ้นงบ 3Q68 น่าจะสวย TRUE, ICHI, BGRIM, MAJOR, ADVANC, MTC, KLINIQ

 

HORIZON MARKET VIEW

คลื่นลมดูยังไม่สงบ
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรอบใหม่ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นต่อตลาดหุ้น ขณะที่ล่าสุด จีนประกาศคว่ำบาตรบริษัทต่อเรือสัญชาติเกาหลีใต้ในเครือ HANWHA OCEAN ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ จำนวน 5 แห่ง โดยมีผลบังคับใช้ 14 ต.ค. 68 นอกจากนี้ จีนยังเปิดไต่สวนผลกระทบ “มาตรา 301” ของสหรัฐฯ ที่มีต่อ อุตสาหกรรมเดินเรือ-ต่อเรือจีน ซึ่งในเวลาต่อมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าอาจยุติการค้าด้านน้ำมันพืชกับจีน เพื่อ โต้ตอบที่จีนไม่ซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ

ในแง่มุมของนโยบายการเงิน ประธาน FED เผยว่าอาจใกล้ยุติมาตรการ QT หลังส่งสัญญาณใกล้บรรลุเป้าหมาย ของการมีทุนสำรองเพียงพอสำหรับธนาคารต่าง ๆ นอกจากนี้ เริ่มมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าสภาพคล่องใน ระบบกำลังตึงตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าการลดทุนสำรองต่อไปจะขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สำหรับทิศทางดอกบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ ประธาน FED กล่าวว่าสถานการณ์ด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ “ยังไม่ เปลี่ยนแปลงมากนัก” จากการประชุม FOMC เดือน ก.ย. 68 แต่ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ต.ค. 68 และเดือน ธ.ค. 68 (ตาม DOT PLOT)

 

REGION RADAR

กลุ่ม BANKS รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่ม BANKS ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หลังได้แรงหนุนจากธุรกิจ IB ที่เติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการ M&A และ IPO ที่มากขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย JPMORGAN มีรายได้ อยู่ที่ $4.7 หมื่นล้าน +9% YOY (สูงกว่าคาด 3.6%) EPS อยู่ที่ $5.07 +16% YOY (สูงกว่าคาด 4.9%) GOLDMAN SACHS มีรายได้อยู่ที่ $1.5 หมื่นล้าน +19% YOY (สูงกว่าคาด 7.1%) EPS อยู่ที่ $12.25 +45% YOY (สูงกว่าคาด 10.9%) WELLS FARGO มีรายได้อยู่ที่ $2.1 หมื่นล้าน +5% YOY (สูงกว่าคาด 1.3%) EPS อยู่ที่ $1.66 +9% YOY (สูงกว่าคาด 7.1%) CITI มีรายได้อยู่ที่ $2.2 หมื่นล้าน +9% YOY (สูงกว่าคาด 4.6%) EPS อยู่ที่ $1.86 +21% YOY

 

EPS ของดัชนี S&P 500 โตเด่นในไตรมาส 3
ในช่วงไตรมาส 3 มักเป็นไตรมาสที่ EPS ของดัชนี S&P 500 ออกมาแข็งแกร่ง จากสถิติย้อนหลังที่ผ่านมา EPS ของดัชนี S&P 500 เติบโตเฉลี่ยราว 8% QOQ และ 14% YOY

 

นอกจากนี้ด้านรายได้และ EPS ของดัชนี S&P 500 ในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ EPS ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดเฉลี่ยราว 5%

 

ขณะที่หุ้นกลุ่ม ธ.พ. ปกติจะย่อตัว 2 –3 วัน หลังประกาศงบ แล้วค่อยฟื้นขึ้นในระยะถัดไป ดังนั้นแนะนำ BUY ON DIP หุ้นธ.พ. สหรัฐ อย่าง JPMUS19 กับ GS80 ยามราคาย่อในระยะ 2 –3 วันนี้

 

THAI FOCUS

ปัจจัยในประเทศ ยังเป็นทิศทางบวกต่อตลาดหุ้นไทย
วานนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WORLD ECONOMIC OUTLOOK) โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจ(GDP)โลกประจำปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการ ขยายตัว 3.2% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.68 ที่ระดับ 3.0% ส่วนประเทศอื่นๆในแถบ ประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ก็ถูกปรับประมาณการ GDP ขึ้นเช่นกัน จากหลายเหตุผล อาทิ ผลของ มาตรการคว่ำบาตร/ภาษี (TARIFFS) รวมถึงระดับการตอบโต้ที่เบากว่าคาดในช่วงที่ผ่านมาและ นโยบายการเงิน ที่ผ่อนคลายกว่าที่ IMF คาดในบางตลาด

 

ส่วนไทย IMF คาด GDP ไทยโต 2.0% ปีนี้ต่ำสุดในกลุ่ม ASEAN-5 แม้ว่าในช่วง 1H68 เศรษฐกิจจะยังคงมี เสถียรภาพ + คาดหวังการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวช่วยหนุน แต่การลงทุนเอกชนชะลอและปัจจัยโครงสร้าง (ประชากรสูงวัย การเติบโตของกำลังซื้อในประเทศชะลอ) ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจไทยในอนาคต

 

อย่างไรก็ตามนโยบายการคลัง อาจเข้ามาช่วยได้ถูกจังหวะ โดยการประชุม ครม.วานนี้มีนโยบายกระตุ้นทั้งงาน AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK วงเงินงบประมาณ 456 ล้านบาท + งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 69 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งจะไปลงทุนในปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า (ภาคต่าง ๆ), รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ไทย-จีน), รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน –ราษฎร์บูรณะ เป็นต้น คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ GDP โตขึ้นได้อีก 0.3% รวมถึงอาจมีมาตรการ “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ที่เตรียมเสนอเข้า ครม. โดยเสนอสิทธิลดหย่อน ภาษี 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท เพื่อจูงใจให้ไปเที่ยวจังหวัดที่ไม่ใช่จุดหมายหลัก ซึ่งน่าจะเป็นแรงส่งให้ GDP ไทยเติบโตได้เกิน 2%

 

อีก 1 ประเด็นที่ช่วยเศรษฐกิจไทย คือ รัฐบาลได้แต่งตั้ง คุณเอกนิติเป็น ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจา การค้ากับสหรัฐฯ เป้าหมายการเจรจาคือ “ลดอัตราภาษี” ให้ต่ำกว่าหรืออย่างน้อยไม่เกินระดับปัจจุบันที่ 19% เพื่อปกป้องภาคการส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม โดยคาดว่าข้อตกลงใหม่ควรแล้วเสร็จภายใน 4 เดือนนี้จึงต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด

 

SYNAPSE STRATEGY

ตลาดหุ้นผันผวน แนะนำทยอยสะสมหุ้นกำไร 3Q เด่น รวมถึงหุ้น VALUE
ประเด็น TARIFF กับความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ ที่มี P/E 35 เท่า (VALUATION แพง) ผันผวนกว่าปกติแต่สภาพคล่องที่ล้นระบบ ส่งผลให้เห็นการหมุนเม็ดเงินจากหุ้น GROWTH มาสู่หุ้น VALUE มากขึ้น ทั้งตลาดหุ้นในแถบ EMERGING MARKET และหุ้นในกลุ่ม NON –TECH

 

ส่วนตลาดหุ้นไทย FUND FLOW ยัง ไหลออก 4 วันติด -5.3 พันล้านบาท ยามตลาดย่อแนะเก็งกำไร หุ้นงบ 3Q68 น่าจะสวย TRUE, ICHI, BGRIM, MAJOR, ADVANC, MTC, KLINIQ รวมถึง DR ที่อิงหุ้น VALUE NONTECH ผันผวนต่ำ อย่าง SINGTEL80, LLY80, VISA80, TRIPCOM80, SANOFI80, BRKB80, POPMART80, PEP80

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์