วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลออก เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มีแรงขายหลักมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ขนส่ง และค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรก ส่งผลให้ดัชนีSET Index ปิดตลาดที่ 1,266.38 จุด -20.60 จุด -1.60% มูลค่าการซื้อขาย 42,503.92 ลบ. ProgramTrading -2,491.87 ลบ. ต่างชาติ-2,885.95 ลบ. TFEX -20,225 สัญญา ตราสารหนี้-105.01 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 202.88 จุด หรือ +0.44% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารรายใหญ่ อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนซึมซับการแสดงความเห็นครั้งล่าสุดของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด
+ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.2% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.0% หลังจากมีการขยายตัว 3.3% ในปี 2567
+ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้น าสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนมาเลเซียในวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยทรัมป์มุ่งหวังจะมาเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา
+ ครม.อนุมัติกรอบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 1.6 ล้านล้านบาท ดัน GDP โต 0.3%พร้อมเร่งปรับกรอบเวลาจัดทำงบปี 2570 เร็วขึ้น แก้ปัญหาสุญญากาศช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดล ง 79 เซนต์ หรือ -1.33% ปิดที่58.70 ดอลลาร์/บาร์เรล เตือนว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีหน้า จากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
- ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เริ่มทวีความรุนแรงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าน าเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก100% เพื่อตอบโต้จีนที่ออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก
- จีนเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือพิเศษกับเรือของสหรัฐฯยกเว้นเรือที่สร้างในจีนโดยเรือที่เข้าข่ายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคือเรือที่เป็นของสหรัฐฯ ดำเนินการโดยสหรัฐฯ สร้างโดยสหรัฐฯ หรือมีธงสหรัฐฯ
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าจีนไม่ยอมซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็น "การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทางเศรษฐกิจ" พร้อมขู่ตอบโต้ด้วยมาตรการอย่างเช่นการห้ามส่งออกน้ำมันพืช
- สถานการณ์การท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 6-12 ตุลาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชะลอตัวด้านการเดินทางในทุกกลุ่มตลาด ทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้(Short haul) และนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) จากการสิ้นสุดการเดินทางในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในหลายประเทศ อาทิ จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย
-รายงานข่าวจาก ธปท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง ระบุถึง 3 สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย12 เดือนที่ผ่านมาเคลื่อนไหวนอกกรอบเป้าหมาย 1-3% โดยเดือน ก.ค.68ติดลบ 0.7% ทำให้เฉลี่ย 12 เดือนอยู่ที่ 0.5% และรายงานนโยบายการเงิน 2Q68ประเมินว่า เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า เดือน ส.ค.68-ก.ค.69จะอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังปรับตัวลงแรง โดยนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกวันนี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,260-1,270 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
-ปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. : CBG MENA BJC CPALL CPAXT TNP KKMOTHER
- โครงการคนละครึ่งพลัส : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP MOTHER
- เงินบาทกลับมาอ่อนค่า : CPF TU ITC BTG TFG
- Direct PPA : GULF BGRIM GPSC EGCO RATCH