Today’s NEWS FEED

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี68 ไทยส่งออกเฟอร์นิเจอร์โต 9.3% จากการเร่งนำเข้าของสหรัฐฯ ก่อนพลิกหดตัว 4.5% ในปี69

76


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(9 ตุลาคม 2568)---------การจัดเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ของสหรัฐฯ ภายใต้มาตรา 232 ที่ 25% อาจเพิ่มแรงกดดันต่อการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยมากขึ้น โดยกลุ่มตู้ในครัวและตู้ล้างหน้าในห้องน้ำคาดว่าจะยังแข่งขันได้ แต่ที่นั่งไม้มีเบาะหุ้มด้วยผ้าอาจเสี่ยงสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์โดยรวมของไทยปี 2568 จะขยายตัว 9.3% จากปีก่อน ขณะที่ ในปี 2569 กลับมาหดตัว 4.5% จากผลของภาษีนำเข้ามีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงต้องเผชิญการแข่งขันที่เข้มข้นทั้งในตลาดสหรัฐฯ และตลาดส่งออกอื่นๆ

สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ ภายใต้มาตรา 232 ที่ 25%

นอกเหนือจาก Reciprocal Tariffs ที่ประกาศเก็บจากไทยที่ 19% และภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ภายใต้มาตรา 232 ที่ 50% (ตามมูลค่าเนื้อโลหะ) จะกระทบการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยไปสหรัฐฯ แล้ว เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ยังได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าไม้ ภายใต้มาตรา 232 สำหรับตู้ในครัวและตู้ล้างหน้าในห้องน้ำ รวมถึงที่นั่งไม้มีเบาะหุ้มด้วยผ้าที่ 25% โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ 14 ต.ค. 2568 (รูปที่ 1)
สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์อันดับ 1 ของโลก โดยในปี 2567 มีมูลค่าการนำเข้ากว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 29% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของโลก (รูปที่ 2) ผลจากการเก็บภาษีนำเข้าดังกล่าว คาดว่าจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อหลายประเทศที่เป็นแหล่งนำเข้าหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม ที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่า 51% (รูปที่ 3)

 

ภาษีนำเข้า คาดทำให้ไทยส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังสหรัฐฯ ได้ลดลง

สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์อันดับ 1 ของไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 48% ในปี 2567 ซึ่งสินค้าหลักที่ไทยส่งออกเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ (รูปที่ 4) ทั้งนี้ การประกาศเก็บภาษี Reciprocal Tariffs ในช่วงต้นปี ก่อนเริ่มเก็บจริงเมื่อ 7 ส.ค. 2568 ส่งผลให้ไทยได้อานิสงส์จากการเร่งนำเข้า (Front-loading)
สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ค. ที่ภาษี Reciprocal Tariffs ยังไม่ถูกบังคับใช้ ขณะที่ การส่งออกในเดือน ส.ค. เริ่มเห็นสัญญาณปัจจัยบวกจาก Front-loading ที่ชะลอลง (รูปที่ 5)


เมื่อพิจารณาความสามารถในการแข่งขันของไทย สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่จะโดนเก็บภาษีนำเข้า ภายใต้มาตรา 232 พบว่ากระทบแต่ละกลุ่มสินค้าแตกต่างกัน ดังนี้ (รูปที่ 6)
- ตู้ในครัวและตู้ล้างหน้าในห้องน้ำ คาดว่าไทยจะยังแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ แม้หลังขึ้นภาษี ราคานำเข้าเฉลี่ยของไทยจะสูงกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันอย่างจีนและมาเลเซีย 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ชิ้น แต่สินค้าไทยยังมีข้อได้เปรียบจากการผลิตที่ได้คุณภาพ/มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาดสหรัฐฯ

- ที่นั่งไม้มีเบาะหุ้มด้วยผ้า คาดว่าไทยเสี่ยงสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ของไทยมีลักษณะเป็น Premium (Design-oriented, Handcraft) โดยภาษีนำเข้าจะทำให้ส่วนต่างราคาของไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง Segment เดียวกันอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย และอาจมีความเสี่ยงที่ผู้นำเข้าจากสหรัฐฯ จะหันไปนำเข้าจากแหล่งดังกล่าวที่มีต้นทุนในการผลิตถูกกว่าไทย


อย่างไรก็ดี ในภาพรวม ผลของภาษีนำเข้าจะทำให้สินค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทยที่โดนจัดเก็บ ทั้งภายใต้มาตรา 232 ซึ่งคิดเป็นราว 87% ของมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่โดน Reciprocal Tariffs มีราคา/ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น


ซึ่งคงส่งผลต่อความต้องการของผู้บริโภคภายในสหรัฐฯ ให้หันไปบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น รวมถึงกลุ่มที่มีความอ่อนไหวด้านราคาอาจเลื่อนการใช้จ่ายออกไป และกระทบต่อเนื่องมายังภาพการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ให้ปรับลดลง เห็นได้จากกรณีสินค้าตู้ในครัวและตู้ล้างหน้าในห้องน้ำจากจีนที่โดนจัดเก็บภาษีนำเข้า ภายใต้มาตรา 301 ตั้งแต่ปี 2561 และโดนภาษี AD/CVD เพิ่มเติม ตั้งแต่ปี 2563 ก็มีส่วนแบ่งปริมาณนำเข้าในตลาดสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องจาก 31% ในปี 2561 เหลือเพียง 21% ในปี 2567

การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยมีแนวโน้มหดตัวในปี’ 69

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์รวมของไทยปี 2568 จะอยู่ที่ 1,591 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 9.3% จากปีก่อน ขณะที่ ในปี 2569 จะอยู่ที่ 1,519 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว 4.5% (รูปที่ 7) จากหลายปัจจัย ได้แก่


1) สัญญาณของการเร่งนำเข้าน้อยลง แม้ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยจะขยายตัว 22% แต่ในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะกลับมาหดตัว 13% จากผลของภาษีนำเข้ามีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนในปี 2569 หดตัวจากฐานสูง รวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้า ภายใต้มาตรา 232 อีกระลอก สำหรับตู้ในครัวและตู้ล้างหน้าในห้องน้ำเป็น 50% และที่นั่งไม้มีเบาะหุ้มด้วยผ้าเป็น 30% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569


2) การแข่งขันรุนแรงขึ้นจากการหาตลาดอื่นทดแทนตลาดสหรัฐฯ ของคู่แข่ง โดยเฉพาะกับจีนในตลาดญี่ปุ่น ที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต สะท้อนจากสัดส่วนปริมาณนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 58% ในปี 2561 มาเป็น 68% ในปี 2567

 

ทั้งนี้ ไปข้างหน้า ยังมีประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่ต้องติดตาม โดยปัจจุบัน ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องราว 5% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ต.ค. 2568) การแข็งค่าดังกล่าว อาจซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยให้ลดลงจากราคาสินค้าแพงขึ้นโดยเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ หรือลดรายได้ในรูปเงินบาทของผู้ประกอบการ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้