Today’s NEWS FEED

News Feed

กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด SCB EIC ประเมิน กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือน ธ.ค. สู่ระดับ 1.25%

89

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 ตุลาคม 2568 )-----กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ขณะที่กรรมการเสียงข้างน้อย เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.25% 

•    กนง. เสียงข้างมากมองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา และประสิทธิผลของนโยบายการเงิน ภายใต้ Policy space ที่มีจำกัด 

•    กนง. เสียงข้างน้อยมองว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และบรรเทาปัญหาสภาพคล่องและภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง

เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี ภาคการส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์

•    เศรษฐกิจในไตรมาส 3 มีแนวโน้มชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าที่เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากปัจจัยชั่วคราว โดย กนง. ประเมินว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ถึง 2%YOY 

•    กนง. ปรับประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าในปีนี้เพิ่มขึ้นมากเป็น 10%YOY (จาก 4.0%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายน) ตามข้อมูลจริง แต่ผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมมีไม่มากนัก เนื่องจากได้ปรับแนวโน้มมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวสูงขึ้นมากเช่นเดียวกันเป็น 10.2%YOY (จาก 5.3%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายน)

•    กนง. มองว่าภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา จึงปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2025 ลงจาก 35 ล้านคนในรอบประชุมเดือนมิถุนายน เหลือ 33 ล้านคน (รูปที่ 1) และปรับลดประมาณการอุปสงค์ในประเทศปี 2025 ลงจาก 2.1%YOY เหลือ 1.7%YOY อย่างไรก็ดี กนง. ประเมินว่า เครื่องยนต์ทั้งสองนี้จะทยอยปรับดีขึ้นได้ในระยะข้างหน้า ซึ่ง กนง. ได้คำนึงถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการในไตรมาส 4 ไว้ในประมาณการเศรษฐกิจครั้งนี้แล้ว

•    ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไม่ได้แตกต่างจากการประเมินในการประชุมครั้งก่อนมากนัก โดย กนง. ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลงเล็กน้อยจาก 2.3%YOY และ 1.7%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายนเป็น 2.2%YOY และ 1.6%YOY ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ 



 
กนง. ปรับลดประมาณการเงินเฟ้อปีนี้เหลือ 0% และมองว่าเงินเฟ้อจะยังไม่เข้ากรอบเป้าหมายในปีหน้า โดยจะติดตามความเสี่ยงภาวะเงินฝืดใกล้ชิดขึ้น

•    กนง. ปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลงอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2025 และ 2026 โดยมองว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำลงเหลือ 0.0% และ 0.5% ตามลำดับ ลดลงจากมุมมองในการประชุมเดือนมิถุนายนที่ 0.5% และ 0.8% ตามลำดับ ตามปัจจัยด้านอุปทานจากราคาพลังงานและราคาอาหารสดที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา (รูปที่ 2) 

•    กนง. มองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายในปีหน้า โดยประเมินว่าจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายที่ 1% ในช่วงต้นปี 2027 ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ประเมินว่าจะกลับมาทรงตัวได้หลังจากปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

•    กนง. ยืนยันว่าไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่จะเริ่มติดตามความเสี่ยงนี้มากขึ้น สาเหตุที่ กนง. มองว่าไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเพราะ (1) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ได้ลดลงอย่างรุนแรง และรวดเร็ว โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 0.9% ทั้งปี 2025 และ 2026 (2) ราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับลดลง และ (3) อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะยาวยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย 

 
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวใกล้เคียงเดิม แต่ภาวะการเงิน SMEs น่ากังวลต่อเนื่อง

•    ภาวะการเงินไทยโดยรวมตึงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อหดตัวเล็กน้อยใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน ส่วนหนึ่งจากความต้องการสินเชื่อที่ชะลอลง และการชำระคืนสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่คุณภาพสินเชื่อไม่ได้ปรับด้อยลงจากเดิมมากนัก

•    SMEs ยังคงเผชิญภาวะการเงินตึงตัว สะท้อนจากเครื่องชี้ทั้งในและต่างประเทศ ในประเทศ สินเชื่อ SMEs หดตัว คุณภาพสินเชื่อ SMEs ปรับแย่ลง สะท้อนจากสัดส่วน NPL ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ต่างประเทศ SMEs ที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ผ่านรายรับในรูปเงินบาทที่ลดลง โดยผู้ส่งออก SMEs ได้รับผลกระทบสูง เห็นได้จาก (1) กว่า 80% ของผู้ส่งออก SMEs ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน และ (2) ผู้ส่งออก SMEs มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำอยู่ก่อนแล้ว

•    กนง. มองว่านโยบายการเงินจำเป็นต้อง “ผ่อนคลาย” แต่ต้องให้ความสำคัญกับ จังหวะเวลาและประสิทธิผลของการส่งผ่านนโยบายการเงินภายใต้ Policy space ที่มีจำกัด และความไม่แน่นอนในอนาคต 


IMPLICATIONS

SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจาก

•    ภาวะสินเชื่อยังหดตัวต่อเนื่องในวงกว้าง (รูปที่ 3) สะท้อนภาพความต้องการสินเชื่อที่ลดลง อาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ โดยธุรกิจเหล่านี้บางส่วนเข้าถึงสินเชื่อได้ แต่เลือกที่จะลดความเสี่ยงทางการเงินในบัญชีงบดุล ผ่านการกู้ยืมลดลง หรือคืนเงินกู้ อาจเป็นสัญญาณของการลงทุนภาคเอกชนที่จะลดลงในอนาคต นโยบายการเงินอาจต้องเข้ามามีบทบาทช่วยประคับประคองเศรษฐกิจมากขึ้น 


•    อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (Real rate) อยู่ในระดับสูงเทียบกับในอดีต หากนำคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้ามาใช้คำนวณที่ประมาณ 0.7% (ไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะยาว 5 – 10 ปีที่ราว 1.5 – 1.6%) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยจะมีค่าบวกอยู่ที่ระดับประมาณ 0.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในอดีตมักอยู่ใกล้เคียง 0% เท่านั้น (รูปที่ 4) สะท้อนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอาจยังอยู่ในระดับสูง เทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่จะขยายตัวต่ำกว่าในอดีตอย่างมากที่เพียง 1.5%YOY (ประมาณการ SCB EIC) หรือประมาณการของ ธปท. ล่าสุดที่ 1.6%YOY 

•    อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องนาน และมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง อาจทำให้ครัวเรือนเผชิญกับภาวะ “Debt deflation” สร้างความเปราะบางให้อุปสงค์ในประเทศต่อเนื่อง

o    ภาระหนี้ครัวเรือนไทยยังคงสูงอยู่ โดยในช่วงที่เห็นกระบวนการลดหนี้ครัวเรือน (Debt deleveraging) ตั้งแต่ต้นปี 2024 มานี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยเพียง 0.2% (รูปที่ 5) ต่ำกว่ารอบกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนครั้งก่อน ๆ โดยอัตราเงินเฟ้อต่ำไม่ได้ช่วยในกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนมากนัก เนื่องจากมูลค่าของเงินยังคงเดิม มูลค่าหนี้ที่แท้จริงจึงไม่ได้ปรับลดลงไป 

o    อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่มีแนวโน้มต่ำต่อเนื่องนาน อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) ในที่สุด ผ่านภาระหนี้ครัวเรือนที่ลดลงช้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้อยู่ในระดับเหมาะสมที่จะช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนในรูปมูลค่าที่แท้จริงได้

สำหรับมุมมองนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า SCB EIC ยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ และปรับลดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026 ลงมาอยู่ที่ 1.0% โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะยังชะลอลงอย่างต่อเนื่องจนถึงครึ่งแรกของปี 2026 เนื่องจากความเปราะบางของภาคธุรกิจและครัวเรือนจะยังส่งผลกดดันอุปสงค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ภาวะการเงินไทยยังนับว่ายังตึงตัวสูง ไม่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพมาก SCB EIC จึงประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และอีก 1 ครั้งในช่วงต้นปีหน้า เพื่อให้นโยบายการเงินช่วยลดความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ 


 

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/policy-rate-081025

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

PTG สุดยอด! คว้ารางวัล "Employer Branding" ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

PTG สุดยอด! คว้ารางวัล "Employer Branding" ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

กนง.คงดอกเบี้ย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม ตลาดหุ้นไทย เข้าสู่โหมด 1,300 จุด บวกลบ สลับกันไป หลัง จบข่าว เมื่อ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คง.....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้