สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 ตุลาคม 2568)--- นายถิรพงศ์ คําเรืองฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเซียล จํากัด (มหาชน) WAVE เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลท.”) ขอให้บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเซียล จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ชี้แจง ข้อมูล กรณียกเลิกสัญญาซื้อขาย I-REC(E)s ดังนี้

Q1: คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาจากปัจจัยหรือเหตุผลใดบ้าง จึงได้ยกเลิกสัญญา โดยที่บริษัทจะต้องคืน I-REC(E)s ทั้งหมดที่เคยได้รับกลับไป และยังต้องยอมถูกริบเงินมัดจํา รวมทังเงินที่เคยชําระแล้วบางส่วน 20 ล้านบาท นันได้เป็น การตัดสินใจที่สมเหตุสมผลอย่างไร และเป็นประโยชน์ทีดีทีสุดแก่ WAVE และผู้ถือหุ้นอย่างไร

คําตอบ

ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครังที่ 9/2568 เมื่อวันที่ 15 กันยายน2568 ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท เวฟ บีซีจี จํากัด (“BCG”) ซึงเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทําการยกเลิกสัญญาซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (“I-REC(E)s”) กับบริษัท Green Energy Credit Pte, Ltd. (“GEC”) ที่่ได้รับโอนสิทธิ จากบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จํากัด (คู่สัญญาเดิม) โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) ให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน จํานวน 1,901,181.62 RECs

2) จ่ายค่าปรับจากการยกเลิกสัญญาให้แก่ผู้ขาย จํานวน 85 ล้านบาท โดยยินยอมให้ริบเงินมัดจํา จํานวน 65 ล้านบาท และ เงินที่ได้ชําระให้แก่บริษัท GEC ไปแล้วจํานวน 20 ล้านบาท เป็นค่าปรับตามมูลหนีสัญญาเดิมจํานวน 293,806,706.85 บาท และให้ ถือว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายหลุดพ้นความรับผิดชอบต่อกัน ให้การยกเลิกมีผลตังแต่วันที่ 30 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

3) บริษัท BCG คืนใบรับรองพลังงานหมุนเวียน จํานวน 1,901,181.62 RECs ให้แก่ GEC

คณะกรรมการบริษัท มีความเห็นว่า เดิมบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการสินทรัพย์ดิจิทัลเพือการลงทุน โดยการนํา ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (“I-REC(E)s”) มาใช้เป็นสินทรัพย์อ้างอิง แต่ในขณะนัน ปริมาณใบรับรองพลังงานหมุนเวียน ที่บริษัทฯ ถือครองยังมีไม่เพียงพอสําหรับโครงการ บริษัทฯ จึงได้ทําสัญญาซือขาย I-REC(E)s จาก บริษัท GEC เพื่อให้มีปริมาณ เพียงพอ แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้ยกเลิกในเวลาต่อมา ประกอบกับความล่าช้าในการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการ เปลียนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ตลาดคาร์บอนเครดิต และใบรับรองพลังงานหมุนเวียนยังไม่เกิดการตืนตัว บริษัทฯ จึงขอ ขยายระยะเวลาการชําระค่าสินค้าทีครบกําหนดชําระตังแต่เดือน พฤษภาคม 2567 ปีก่อน เป็นเดือน มีนาคม 2568 และ มิถุนายน 2568 ตามลําดับ และต่อมาได้ขอขยายเวลาการจ่ายชําระอีกครั้ง เป็น วันที่ 30 กันยายน 2568 ทั้งนี้เพือให้ได้ข้อยุติใน สภาวการณ์ที่ภาวะตลาดยังไม่ตื่นตัว บริษัทฯ ได้ขอเจรจากับบริษัท GEC หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ บริษัท GEC จึง ขอเรียกเก็บค่าใบรับรองพลังงานหมุนเวียนที่ยังคงค้างทั้งหมดเต็มจํานวน ทําให้บริษัทฯ ต้องพิจารณาขอยุติสัญญาและคืน ใบรับรองพลังงานหมุนเวียนทังหมดเพือลดความเสียหายที่จะเกิดขึน โดยยินยอมให้ริบเงินมัดจํา รวมทั้งเงินที่เคยชําระแล้ว
บางส่วน รวมจํานวน 85 ล้านบาท (ซึ่งเป็นอัตราค่าปรับที่ใกล้เคียงกับอัตราค่าปรับจากการผิดนัดชําระหนี้ของธนาคารพาณิชย์) ทั้งนี้การตัดสินใจในการยอมให้ริบมัดจําและเงินที่เคยชําระแล้วบางส่วนแทนการชําระค่าสินค้าคงเหลือทั้งหมด จะทําให้บริษัทฯ สามารถรักษาสภาพคล่องในการดําเนินธุรกิจได้ ตลอดจนปราศจากความเสี่ยงที่จะเกิดขึนในอนาคต เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น เมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น

ปัจจัยทีใช้ในการพิจารณา คือ
- วัตถุประสงค์ในการทําสัญญาซื้อขายเดิม ไม่สอดคล้องกับแผนธุรกิจในปัจจุบัน
- ความเสี่ยงจากภาวะตลาดคาร์บอนเครดิต และ ใบรับรองพลังงานหมุนเวียนยังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควร เนื่องจากการ บังคับใช้กฎหมายล่าช้า
- เน้นบริหารสินค้าคงเหลือประเภท I-REC(E)s ให้สอดคล้องกับภาวการณ์ปัจจุบัน โดยเน้นไปยังกลุ่ม Real Sector ที่มีผลกระทบโดยตรงมากขึ้น
- ลดภาระในการหาเงินทุนหมุนเวียน และลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชําระหนี้

Q2: แนวทางในปัจจุบันและอนาคตสําหรับธุรกิจ I-REC(E)s

คําตอบ ปัจจุบัน บริษัทได้วางแนวทางในการดําเนินธุรกิจ I-REC(E)s โดยจะมุ่งเน้นการขายไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักทังในและ ต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับแรงกดดันจากห่วงโซ่อุปทาน และกลุ่มโรงแรมที่ได้รับแรงกดดันในการลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพือให้ได้รับการรับรองในมาตรฐานโรงแรมยั่งยืน เช่น GSTC, Green Hotel Plus ควบคู่ไปกับการ ควบคุมปริมาณสินค้าคงเหลือประเภท I-REC(E)s ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และหาก พรบ.การ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการประกาศใช้ในอนาคต บริษัทฯ จะประเมินถึงอุปสงค์และอุปทานของ I-REC(E)s ต่อไป