Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

94

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Cross Asset Strategy Part 3
สรุปเนื้อหาแนวโน้มตลาดหุ้นสผรัฐฯ จากรายงาน Cross Asset Strategy
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังผ่านพ้นปีแห่งความผันผวน (Bumpy Year) สู่ปี 2026 ที่มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยเชิงบวก (Tailwinds) ตลอดครึ่งแรกของปี 2025 นักลงทุนต้องเผชิญแรงกระแทกจากนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่ตั้งกำแพงภาษีสูงกว่า 30% ต่อสินค้าจากจีน เวียดนาม และไทย ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานแรงในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่ Fed ต้องหยุดการลดดอกเบี้ยเพื่อประเมินผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายในครึ่งหลังของปี ตลาดกลับฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ดัชนี Nasdaq100 พุ่งกว่า 40% จากจุดต่ำสุด ขณะที่ S&P500 ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน ทำให้เกิดคำถามว่าตลาดเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้วหรือไม่

บทวิเคราะห์ดังกล่าวชี้ว่า การประเมินมูลค่าแบบดั้งเดิม เช่น P/BV อาจไม่เหมาะสมกับโครงสร้างตลาดปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยบริษัทเทคโนโลยีซึ่งเป็นธุรกิจแบบ Asset-Light
แม้ P/BV ของ S&P500 จะสูงกว่าในอดีต แต่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง NVIDIA หรือ Meta มีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูงกว่าอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนประสิทธิภาพในการทำกำไรที่เหนือกว่า และสินทรัพย์ที่แท้จริง (เช่น ซอฟต์แวร์, แบรนด์) ไม่ถูกบันทึกในบัญชีเต็มมูลค่า ดังนั้น ตลาดจึงยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่แบบยุค Dot-com

ในช่วงที่เหลือของปี 2025 ตลาดอาจผันผวนขึ้นจากภาวะ Overbought และความกังวลเศรษฐกิจถดถอย แต่มองว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้น โดยเฉพาะในธีมห่วงโซ่คุณค่าของ AI (AI Value Chain) ซึ่งยังอยู่ในช่วง early adoption phase และมีศักยภาพเติบโตสูง
สำหรับปี 2026 คาดว่าจะเป็นปีแห่ง Tailwinds หรือปัจจัยบวกหนุนตลาด จากการที่ Fed จะกลับมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงเหลือ 3.375% ภายในไตรมาสแรก ประกอบกับการขยายนโยบายลดภาษี (TCJA) ที่จะหนุนสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดทุน ปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ดัชนี S&P500 มีโอกาสปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 7,000 จุดได้

คำแนะนำการลงทุน:

ระยะสั้น (ไตรมาส 4/2025): ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI Value Chain หากตลาดย่อตัว

ระยะกลาง (ปี 2026): ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อรับประโยชน์จากการเติบโตของกำไร สภาพคล่องและนโยบายที่เอื้ออำนวย

 

 

 

สรุปภาพตลาดวานนี้ หุ้นไทยติดจรวดวานนี้ โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวนำไม่ใช่แค่ DELTA แต่มาทั้ง KCE HANA และการรีบาวน์หุ้นใหญ่กลุ่มอื่น GULF AOT BDMS CRC TLI CRC COAKK CPN PTTGC เป็นต้น ส่วนหุ้นลง ลงไม่แรง เช่น TRUE SCC BCP

แนวโน้มตลาดวันนี้ Accumulated buy (ต่อ)
เราคงคาดหุ้นไทยขึ้นสลับย่อต่อ หลังจากเมื่อวานได้อานิสงส์หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA HANA KCE นำตลาดหุ้นไทยทะลุ 1,300 จุด คาดเม็ดเงินที่หมุนสลับกลุ่ม จะทำให้หุ้นไทยยังไม่หล่นลงไปเล่นกรอบล่างในระยะสั้น กรอบดัชนีวันนี้คาด 1290-1310 จุด
ประเด็นลงทุนวันนี้ โฟกัสที่ การประชุม “กนง. 8 ต.ค.” หากคงดอกเบี้ยที่ 1.5% คาดหนุนราคา “หุ้นธนาคาร” รีบาวด์ หลังปรับฐานลงมาตลอดเดือน ก.ย. (แต่ถ้าลดดอกเบี้ย เราคาดว่าแรงขาย Sell on fact หุ้นแบงก์ไม่น่าจะรุนแรงเพราะราคาหุ้นแบงก์ปรับฐานลงมาตลอดเดือนรับข่าว)
และเมื่อวาน ผลประชุม ครม. มาตามนัดกับ มาตรการอุดหนุนการจับจ่ายใช้สอย “คนละครึ่งพลัส” ส่วนสัปดาห์หน้ารอลุ้น มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ, การเติมสภาพคล่องและแก้หนี้เสีย เป็นต้น คาดส่งผลบวกต่อราคาหุ้นเชื่อมโยง เช่น ท่องเที่ยว การบิน ค้าปลีก
ปัจจัยที่ต้องตามและคาดมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสัปดาห์ ถ้อยแถลงประธานเฟด ต่อทิศทางนโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของอายุงาน, รายงานการประชุมเฟด วันพุธ, ตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาค เช่น ส่งออกไต้หวัน, ดัชนีภาคการผลิตมาเลเซีย, การประชุมธนาคารกลาง ฟิลิปินส์ ฯลฯ

กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index ปิดเหนือ 1,300 จุด สำเร็จ! จับตา high ล่าสุดที่เคยทำไว้ 1,312 จุด มีลุ้นทะลุผ่านจากการเคลื่อนที่อยู่ในคลื่นขาขึ้น(เทรนด์หลัก) “Impulse wave 3” ขณะที่ Price Pattern “Double bottom” บ่งชี้จุดกลับตัวแม่นยำ! นอกจากนี้โมเมนตัม MACD จ่อตัดเส้น signal line ขึ้น...หนุนสัญญาณกลับตัว ภาพรวมหุ้นขึ้นแบบกระจายตัว (ไม่กระจุกตัวเหมือนครั้งก่อน) ลุ้นเป้าหมายเส้นชัยปักธงไว้ที่ 1,330 จุดเหมือนเดิม “Next Station: Fibonacci retracement 61.8%” กรณี “bull case” มองไปถึง 1,400 จุด หากดัชนีย่อใกล้ๆ แนวรับ 1,290 จุด (EMA 10 วัน) แนะเป็นจังหวะช้อนซื้อ ส่วนเงื่อนไขผิดทาง Trailing stop ห้ามหลุด low ต่ำกว่า 1,275 จุด
ไฮไลท์หุ้นเด่น: AOT…Inverse Head & Shoulder / GULF จับตาสัญญาณ “Divergence” ชี้นำ/ CPALL ลุ้นทะลุ EMA 200 ทะลุ > 50 / KTC… A Cup with Handle…ยังไปสวย!/ THCOM จบคลื่นขาลงและกำลังฟื้นตามแผน…

 

 

 

What to watch
จับตา "พาวเวล" กล่าวสุนทรพจน์ หาสัญญาณทิศทางดอกเบี้ย,ศก.สหรัฐ กำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชนที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในภาคเอกชนสหรัฐ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.

ครม. ไฟเขียว คนละครึ่งพลัส อัดงบ 4.4 หมื่นล. ปชช. ลงทะเบียน 20-26 ต.ค.นี้ สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน พลัสที่ 1 เพิ่มช่วงอายุ ตั้งแต่ 16 ปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ พลัสที่ 2 เพิ่มวงเงินใช้จ่าย จาก 150 บาท/วัน เป็น 200 บาท/วัน พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิพิเศษ ให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีได้ 2,400 บาท พลัสที่ 4 เพิ่มโอกาส ให้ร้านค้าขนาดเล็ก นิติบุคคล ไมโครเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมได้ พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะ ให้ร้านค้า Upskill/Reskill ในระยะต่อไป เปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.-19 ธ.ค.68 เปิดรับลงทะเบียนประชาชน ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค.68 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค.68

"สศค. - ก.ล.ต. - ตลาดหลักทรัพย์ฯ - FETCO" ร่วมแถลงข่าว เปิด "ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน 4 มาตรการหลัก จากการประชุมร่วมของคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ดังนี้

Quality Demand ประกอบด้วย (1) การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวผ่านบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล (2) การส่งเสริมบทบาทผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทย

Attractive Supply ประกอบด้วย (1) การดึงดูดกิจการที่มีศักยภาพและคุณภาพเข้าสู่ตลาดทุนไทย (2) การยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบัน ผ่านโครงการJump+และValue Up Program (3) การปรับขั้นตอนการออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)ให้มีประสิทธิภาพและทำให้ตลาดทุนไทยเป็นที่น่าสนใจและสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้ (4) การปรับปรุงเกณฑ์การเข้าถึงแหล่งระดมทุนของSMEsและNew Economyให้น่าสนใจ และ (5) การเปิดเผยข้อมูลESGตามมาตรฐานISSBและมุ่งผลให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนที่คำนึงถึงความรับผิดชอบด้านESGในระดับสากล
Trusted Market ประกอบด้วย (1) การสร้างความเข้มแข็งในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนและการบังคับใช้กฎหมาย (2) การยกระดับการกำกับดูแล ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน (gatekeepers)เพื่อป้องปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสม และ (3) การใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทขนาดกลางและเล็ก

Supportive Ecosystem ประกอบด้วย (1) การเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย (2) นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยและเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ตลาดทุนดิจิทัล (3) ทบทวนหลักเกณฑ์การซื้อขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ลงทุน และ (4) การให้ผู้ลงทุนต่างประเทศสามารถใช้สิทธิe-proxyได้สะดวกยิ่งขึ้น

มาตรการเหล่านี้ยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2565 - 2570) ที่หน่วยงานด้านตลาดทุนได้ดำเนินการมาโดยตลอด และขณะเดียวกันก็ถือเป็นมาตรการ Quick Win ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ในระยะสั้น แต่ส่งผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว

หุ้นแนะนำวันนี้
AAV BLS Research ออกรายงาน Upgrade และเป็นหุ้นแนะนำ Idea call รอบนี้ (ติดตามประชุม ครม. มีลุ้นมาตรการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เช่น เที่ยวเมืองรองลดหย่อนภาษี 2x ฯลฯ)
แนวรับ 1.29 ต้าน 1.4 Stop loss 1.1

 

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

KTB (Idea)
ธนาคารกรุงไทย
เก็บของดี มีคุณภาพ ราคายังถูก
KTB เป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มธนาคาร เพราะมีแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และ valuation ที่ไม่แพง ทำให้เราเลือก KTB เป็น หุ้น top pick ของกลุ่มฯ โดยเราแนะนำ ซื้อ จาก 4 เหตุผล ได้แก่
1) การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ลูกค้า รวมไปถึงการเน้น cross selling ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคาร อีกทั้งได้อานิสงค์จากการเป็น Ecosystem ของภาครัฐฯ หนุนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นในระยะกลาง
2) เศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวในปีหน้า หนุนจากเงินลงทุน FDI ที่จะเข้ามามากขึ้น ทำให้แนวโน้มความต้องการใช้สินเชื่อสำหรับเงินทุนหมุนเวียน น่าจะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2026-27 หนุนสินเชื่อของ KTB เติบโตได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
3) คุณภาพสินทรัพย์จะแข็งแกร่งขึ้นในปีหน้า จากสินเชื่อใหม่ที่มคุณภาพดีขึ้น NPL ratio มีแนวโน้มลดลง โดยเราประเมินว่าสินเชื่อของการบินไทย 2.9 พันล้านบาท น่าจะมีการปรับชั้นขึ้นจาก NPLs เป็น special mention loans หนุน Coverage Ratio และลดแรงกดดันสำรอง
4) Risk to reward ดีสุดในกลุ่มธนาคาร เพราะมี valuation ถูกกว่ากลุ่มฯ มาก PBV เพียง 0.7x โดยมี ROE คาดที่ 8.2% ขณะที่ Dividend yield คาดอยู่ราว 6.7% ต่อปี สูงสุดในกลุ่มธนาคารสำหรับ 2H25 จึงมองว่าปัจจุบัน เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน KTB

Auto Sector

ยอดผลิตรถยนต์ยังอ่อนแอ
เดือนสิงหาคมมียอดผลิต 112,366 คัน ลดลง 6% YoY จากการส่งออกที่อ่อนตัว โดยเฉพาะรถยนต์สันดาป (ICE) ขณะที่การผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 4% YoY นำโดยรถไฟฟ้า (BEV) ที่ทำสถิติสูงสุดรอบใหม่ (+495% YoY YTD) แม้ยังต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
ด้านยอดขายเดือนกันยายนโตเพียง 5% YoY แต่ลด 3% MoM โดยแรงหนุน YoY หลักมาจาก BEV (+27% YoY) และ HEV (+30% YoY) ส่วน ICE และรถกระบะยังหดตัวแรงจากการแข่งด้านราคาและการปล่อยสินเชื่อที่เข้มขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกหด 17% YoY
อย่างไรก็ตาม คาดการผลิตไตรมาส 3 อยู่ที่ 340k คัน (-7% YoY, -9% QoQ) ก่อนจะทรงตัวใน 4Q25 ที่ระดับใกล้เคียงเดิม โดย SAT และ AH จะได้อานิสงส์จากฐานต่ำใน 4Q24 และการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น การผลิต EV และ EV กระบะจะเป็นตัวขับหลัก ขณะที่โครงการ EV3.0/3.5 ที่ให้เครดิตการผลิตเพื่อส่งออก 1.5 เท่า และกองทุนช่วยรถกระบะ Bt5bn จะหนุนยอดขายในประเทศฟื้นตัว
Fundamental view: เรามองว่า SAT ดูดีสุดในกลุ่มฯ จากกระแสเงินสดแข็งแกร่ง งบดุลมั่นคง และ Dividend yield สูง 9% มองเป็นจังหวะสะสมก่อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในปี 2026

 

 

 


Commodities Tracker
Crack spreads โดดเด่นสุดในสัปดาห์
ภาพรวม: สัปดาห์ที่ผ่านมา Crack spreads ของโรงกลั่นขยับขึ้นแรงสุด WoW รองลงมาคือส่วนต่างเคมีภัณฑ์ ขณะที่ค่าระวางเรือเทกอง และ Container อ่อนตัวลงต่อเนื่อง
น้ำมันดิบ: ราคาดูไบเฉลี่ยลดลง US$2.56 WoW เหลือ US$67.02/bbl จากความกังวลต่ออุปทานส่วนเกินหลัง OPEC+ เดินหน้าคลายโควตาผลิตเพิ่มเติม
ค่าการกลั่น (GRM): สัปดาห์นี้ ไม่มีข้อมูลอัปเดต GRM ตรง (เกี่ยวกับฐานข้อมูล) แต่ดูผ่าน Crack spreads ขยับขึ้นทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะ Jet fuel +$1.69 WoW เป็น $20.68/bbl และ Diesel +$2.41 WoW เป็น $21.76/bbl หนุนจากสต๊อกต่ำและการส่งออกจากรัสเซีย-จีนที่ลดลง ส่วน Gasoline เพิ่ม $1.27 WoW เป็น $12.12/bbl และน้ำมันเตาขยับ +$0.94 WoW เป็น -$3.98/bbl
เคมีภัณฑ์: ส่วนต่างเคมีฟื้นตัวตามต้นทุน Naphtha ที่ลดลง Ethylene +$9 WoW เป็น $184/t, Propylene +$9 เป็น $164/t, HDPE +$4 เป็น $329/t และ PP +$4 เป็น $319/t
ถ่านหิน: ราคา Newcastle Index เพิ่มเล็กน้อย +$0.43 WoW เป็น $105.19/t จากอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง
ค่าระวางเรือ: BDI ลดลงแรง 9% WoW สู่ 2,029 จุด โดย Capesize -14% WoW ขณะที่ Panamax และ Supramax ลด 5% และ 1% ตามลำดับ ส่วน Container Index ลดลง 5% WoW สู่ 1,669 จุด
Fundamental view: เราชอบ TOP (GRM แกร่ง และ Valuation ถูก), IVL (แนวโน้มกำไร HoH 2H25 ที่ดีขึ้น) และ PTTGC (Spread Recovery ในช่วงปลายปี)

 

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PTG คว้ารางวัล “Gold Winner: HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025” ต่อเนื่องปีที่ 5

PTG คว้ารางวัล “Gold Winner: HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025” ต่อเนื่องปีที่ 5

ดัน SET By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นDELTA เป็นแรงดัน หุ้นแบงก์ เป็นแรงหนุน รอผลประชุม กนง. ว่าจะลดดอกเบี้ยลง หรือไม่ ...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้