Market Wrap-Up
- SET วันที่ 7 ต.ค.68 ปิด +19.60 จุด อยู่ที่ 1,305.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,987 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,329 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 526 ลบ. สถาบันขาย 389 ลบ. และรายย่อยขาย 1,466 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,509 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,ADVANC,KCE,BDMS,HANA และยอดขายหุ้น TRUE,KBANAK,PTTEP,PTT,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,442 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,BANPU,SPALI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 25,042 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 79,509 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 04 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.20%, S&P500 -0.38%, Nasdaq -0.67% โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.43%, บริการสื่อสาร -0.73% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภค +0.86%, สาธารณูปโภค +0.42% หลังเฟดนิวยอร์คเผยผลสำรวจการคาดการณ์ของผู้บริโภค ก.ย. กังวลต่อตลาดแรงงานมากขึ้น ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.17% นำโดยกลุ่มบริการสุขภาพ -0.4% ขณะที่กลุ่มสินค้าหรูหรา +1.8% นักลงทุนรอติดตามสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง Fed นิวยอร์คเผยผลสำรวจการคาดการณ์ของผู้บริโภค ก.ย. กังวลอัตราว่างงานมีแนวโน้มสูง จึงลดการใช้จ่าย ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้า ก.ย. อยู่ที่ 3.4% & ส.ค.3.2% โดยนักลงทุนกังวลต่อภาวะชัตดาวน์เข้าสู่วันที่ 7 หลังสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงร่าง กม.รายจ่ายฉบับที่ 5 ซี่งทางพรรคเดโมแครตต้องการให้ ปธน.ทรัมป์ขยายสิทธิ์ประโยชน์ภาษีของ Obama Care ที่จะหมดอายุสิ้นปีนี้ นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ วันพุธ Fed Minutes ก.ย., วันพฤหัส ปธ.เฟดแถลงในงาน Community Bank Conference, วันศุกร์ ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. และการเริ่มรายงานกำไร Q3/68 ของ บจ. ใน S&P500 ซึ่ง LSEG คาดกำไร +8.8% YoY
- Stoxx600 ยุโรปวานนี้ -0.17% หลังดัชนีหุ้นสเปน -0.19% ปรับลดลงจากจุดสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่ CAC-40 ฝรั่งเศส +0.04% รอประเมินสถานการณ์การเมือง หลังนายก ฯ รายที่ 5 ได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากรัฐสภามีความขัดแย้งในการผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 โดยกลุ่มบริการสุขภาพ -0.40% นำโดย Novo Nordisk -2.8% หลังศาลสหรัฐปฏิเสธคำร้องคัดค้านการเจรจาต่อรองราคายมในโครงการ Medicare ขณะที่กลุ่มสินค้าหรูหรา +1.8% นำโดย LVMH, Kerring หลัง Morgan Stanley ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุน
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิปิด +0.01% เริ่มทรงตัว หลังดัชนีปรับขึ้นรับผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP คนใหม่ นางซานาเอะ ที่มีนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย ขณะที่ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง และเกาหลีใต้วานนี้ปิดทำการในวันหยุด โดยดัชนีหุ้นจีนจะกลับมาซื้อขายในวันพรุ่งนี้หลังผ่านช่วงวันหยุด Golden Week
- SET +1.52% ปริมาณการซื้อขาย 49 หมื่น ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,329 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 526 ลบ. สถาบันขาย 389 ลบ. และรายย่อยขาย 1,466 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +5.7% นำโดย DELTA +5.87% ส่งผลบวกต่อดัชนี +10.2 จุด ได้แรงหนุนจากเทรนด์การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมชิป, เซมิคอนดักเตอร์ หลัง OpenAI ได้ประกาศความร่วมมืองพันธมิตรหลายราย เช่น Nvidia, AMD, Oracle ในการลงทุนสร้างโครงข่ายด้าน Data Center กอปรบริษัทผู้ผลิตชิปของสหรัฐ ลูแมนตั้ม ได้ประกาศแผนการลงทุนผลิตชิปในไทย ซึ่งส่งผลบวกต่อบริษัท Supply Chain ของไทยรายอื่น ๆ ด้วย ขณะที่กลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ธนาคาร ก็ปรับขึ้นหลังรัฐบาลได้แถลง ม.คนละครึ่งพลัส วงเงิน 4.4 หมื่น ลบ. ที่จะเริ่มเบิกจ่ายเม็ดเงินได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. – สิ้น ธ.ค. ซึ่งคาดจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ราว 0.3 – 0.4% ส่วนประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม กนง. หากตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.25% ก็จะเป็นปัจจัยช่วยหนุน Valuation ของดัชนี SET ได้ราว 40 – 50 จุด
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,290 - 1,300 แนวต้าน 1,310 - 1,320 คาดดัชนีทรงรอผลการประชุม กนง.ในช่วงบ่าย หากปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% จะส่งผลบวกต่อดัชนีราว 40 – 50 จุด แนะนำซื้อกลุ่มค้าปลีก & อุปโภค CPALL,CPAXT,BJC,TNP,ICHI,SAPPE,OSP ได้ประโยชน์จาก ม.คนละครึ่งพลัส/ เก็งกำไรกลุ่มไฟแนนท์ TIDLOR,KTC,AEONTS,SGC,KKP,TISCO หาก กนง.ตัดสินใจลดดอกเบี้ย /ทยอยซื้อกลุ่ม Value & Defensive เช่น EGCO, BCPG, BDMS, TLI
- COM7* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.50 บาท) แนวโน้มช่วง 3Q68-4Q68 คาดกำไรยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากการเปิดตัว iphone 17 ต้นเดือน ก.ย. และแผนการเปิดราคาใหม่ ซึ่ง ณ สิ้น 2Q68 มีจำนวนสาขา 1,320 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีเปิดครบ 1,400 สาขา รวมถึงธุรกิจ EV7 ที่สิ้น 2Q68 ส่งมอบแล้ว 835 คัน ตั้งเป้าส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้า 3 พันคันในปี 68 และสิ้นเชื่อ UFUND ที่พอร์ตสินปีหวังแตะ 5 พันล้านบาท ส่งให้เป้ารายทั้งทั้งปีทะลุ 8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 3.8 พันล้านบาท +15%YoY ส่วนปี 69 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท +10%YoY
- BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.70บาท)คาดกำไร 3Q68 เติบโต QoQ จากจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสาร MRT ที่ฟื้นตัว MoM 4 เดือนต่อเนื่องสำหรับ highlight การเติบโตอยู่ที่การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกในม.ค.71และสีส้มตะวันตกในปี 73บริษัทมีโอกาสได้ลงทุนโครงการทางด่วน Double Deck แลกกับการต่อสัมปทานทางด่วนกับกทพ. 5 ปี และรับประโยชน์จากโครงการลดค่าทางด่วนไม่เกิน 50 บาทตลอดสายเพื่อลดค่าครองชีพฯIAA consensus คาดกำไรสุทธิปี 68 ไว้ที่ 3,840 ลบ.+2%YoY
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ย.+$0.04 อยู่ที่ $61.73 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$0.02 อยู่ที่ $65.45/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 137,000 บาร์เรล/วัน ใน พ.ย. น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 500,000 บาร์เรล/วัน ส่วน EIA คาดการณ์สต็อคน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า เนื่องจากลุ่มประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ API เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2.78 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$28.10 อยู่ที่ $4,004.40 /ออนซ์ โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเกิดภาวะขัตดาวน์ของสหรัฐ กอปรกับเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +31.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +40.84 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -5.40 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -3.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี่อ่อนค่าอยู่ที่ 32.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.134 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +15 อยู่ที่ 1,947
(-) BitCoin เช้านี้ -2.17% อยู่ที่ 121,999 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
8 ต.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 5/2568
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ต่างประเทศ
08 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
09 ต.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US รายงานการประชุม FOMC
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
10 ต.ค. US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)
US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.ย.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ก.ย.)
Theme Strategy
เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68
(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*
(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*
(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*
(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*
(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*
(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)
(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2025: SEAFCO*, CPN*, PRM*, BJC, CBG*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th