สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7 ตุลาคม 2568)-------สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนกันยายน 2568
ความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย ขณะที่ ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายการเงินการคลังของสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทองคำที่ราคาในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับกรณีรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในอดีต และส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ผู้ลงทุนจึงไม่ได้ตระหนกกับประเด็นดังกล่าวมากนัก สะท้อนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยดังกล่าว ดัชนี SET Index ในเดือนกันยายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,274.17 จุด
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลต่อ SET Index ในวงจำกัด เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่าเป็นเพียงปัจจัยภายนอกระยะสั้นที่อาจสร้างความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนชั่วคราวเท่านั้น โดยปัจจัยสำคัญที่ควรติดตาม ได้แก่ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่มุ่งเน้นหลักการ “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” ผ่านนโยบาย “Big Quick Win” รวมถึงความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนในการปฏิรูปเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย
นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสการฟื้นตัวต่อเนื่องของ SET Index ในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากบริษัทจดทะเบียนที่กลับมาระดมทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนเพิ่มขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ในวันแรกที่ค่อนข้างสูง แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับแรงขายจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เริ่มชะลอตัวลง
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนกันยายน 2568
• SET Index ปิดที่ 1,274.17 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 3.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยตั้งแต่ต้นปี SET Index ปรับลดลง 9.0% กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
• มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 43,155 ล้านบาท ลดลง 31.0% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 43,028 ล้านบาท
• นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 11,859 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 96,243 ล้านบาท
• เดือนกันยายน 2568 ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 47.06% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศมีสัดส่วนการซื้อขายที่ 37.63% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 33.98%
• เดือนกันยายน 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เงินเทอร์โบ (TURBO) และใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 13.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.1 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 14.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 3.86% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.02%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนกันยายน 2568
• มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 457,290 สัญญา เพิ่มขึ้น 23.7% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, SET50 Index Options, Gold Online Futures และ Currency Futures อย่างไรก็ดี ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 423,887 สัญญา ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ Gold Online Futures