Today’s NEWS FEED

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ SET ไซด์เวย์ ตามเงินเฟ้อ / แถลงเสน่ห์ตลาดไทย

81

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 ตุลาคม 2568)----InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2568 คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ วันศุกร์ NPF สหรัฐฯ ไม่สามารถประกาศได้ แต่ ISM Services PMI ที่ต่ำยังชี้นำ ศก. สหรัฐฯ ที่ชะลอ วันนี้ติดตามเงินเฟ้อไทย คาดลดลงต่อเป็นเดือนที่หก หากยังต่ำจะหนุนความหวังในการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าโอกาสการลดดอกเบี้ย กนง. ใน ธ.ค. มีโอกาสสูงกว่า รวมถึงการแถลงมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย ทางเทคนิคตลาดพยายามยืนเหนือ 1293 ยืนได้แกว่งขึ้น แต่ต้องระวังการชะลอตัวที่ 1300/1305 ขึ้นต่อไม่ควรหลุดแนวรับ

 

 

ประเด็นสำคัญ
• กบน. ลดอัตราเงินสบทบเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซลและเบนซินทุกชนิดลง 50 สต./ลิตร เพื่อลดราคาขายปลีก เป็นไปตามนโยบายลดค่าครองชีพประชาชน มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (OR) ท่ามกลางค่าการตลาดที่มีสัญญาณฟื้นตัวและปริมาณบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และบวกทางอ้อมต่อกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
• ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์กองทุน Thai ESG และ Thai ESG Extra ลงทุนใน REITs & IFFs ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า เกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวนี้ เนื่องจากจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เงินไหลเข้าหุ้นในกลุ่มนี้มากขึ้น หุ้นในกลุ่มนี้เราชอบ DIF และ LHHOTEL
• กรมอุตุฯ เตือนพายุ “แมตโม” จะทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นและอาจส่งผลให้ภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเผชิญฝนตกหนักในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. นี้ ด้าน กทม. เตือนเกิดน้ำทะเลหนุนสูงวันที่ 10-11 ต.ค. 2568 จากการเพิ่มอัตราระบายน้ำและให้ความมั่นใจระดับน้ำใน กทม. ยังไม่วิกฤต
• ติดตามรายงานภาวะเงินเฟ้อไทย ก.ย. 2568 ในวันนี้ (6 ต.ค.) INVX คาดว่าจะหดตัว 0.6%YoY เป็นการหดตัวเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน
• ปธน. ทรัมป์เผยกำลังพิจารณาการนำรายได้จากภาษีศุลกากรมาจ่ายคืนประชาชนชาวอเมริกันราว 1,000-2,000 ดอลลาร์ต่อคน ขณะที่บางส่วนจะนำไปชำระหนี้ของรัฐบาลที่สูงถึง 38 ล้านล้านดอลลาร์ รมต. คลังสหรัฐฯ ประเมินว่ารายได้ดังกล่าวจะสูงราว 5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี
• การประชุม OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 137kBD ใน พ.ย. 2568 เป็นไปตามกระแสข่าวในช่วงก่อนและเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่แปดรวม +2.7MBD หรือราว 2.5% ของความต้องการโลก สอดคล้องกับมุมมองของ OPEC ที่มองบวกต่ออุปสงค์น้ำมันโลก และเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนจากสหรัฐฯ

 

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐานหรือไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระตุ้นบรรยากาศลงทุน ปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ย. ซึ่งหากยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 อาจหนุนให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ดีเราคาด กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. นี้ก่อน แต่มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้แทน ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตาม FOMC Minutes เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยในอดีตการชัตดาวน์ยาวนานที่สุดเกิดขึ้นในปี 2018-2019 ใช้ระยะเวลา 35 วัน ซึ่งทั้ง S&P500 และ SET ให้ผลตอบแทนเป็นบวก สะท้อนว่าตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักต่อประเด็นนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 


แนวรับ – แนวต้าน : 1287/1280– 1300/1305

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐาน เนื่องขาดปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามเงินเฟ้อไทย, การประชุม กนง. และทิศทางดอกเบี้ยจากรายงานการประชุม FOMC กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play คาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้ง และปีหน้า 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากเกิดโครงการคนละครึ่งในอดีต ซึ่งมียอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แนะนำ CPAXT (มีฐานลูกค้าโชห่วยและร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), BJC, CPALL, CBG, OSP, HTC, ICHI, SAPPE และ 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆและเราแนะนำ Outperform แนะนำ ค้าปลีก (CPALL BJC TNP GLOBAL) ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG CKP)

Daily Top Picks
KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรสุทธิ 3Q68 คาดจะเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากประเมินกําไร FVTPL จากเงินลงทุนใน THAI 1.4 หมื่นลบ. (1 บาท/หุ้น) KTB มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ตํ่ากว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ มี ROE ที่ดีกว่า Valuation ถูก และคาด Div. Yield ปี 2568 ที่ราว 6.3% เป้าหมายระยะสั้น 26.00 บาท

TIDLOR: มีปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนวโน้มเงินเฟ้อที่จะรายงานในวันนี้มีโอกาสติดลบต่อเป็นเดือนที่ 6 หนุนการเก็งกำไร ในขณะที่ปี 2568 คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 16% จาก Credit Cost ที่ -60 bps, สินเชื่อที่ +6% และรายได้นายหน้าประกันภัยที่ +6% ราคาเป้าหมายเทคนิคระยะสั้นที่ 21.00 บาท

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พร้อมขึ้นลง By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาด พร้อมขึ้น พร้อมลง ด้วยวอลุ่มเทรดไม่คึกคัก ปัจจัยบวกใหม่ ...

88TH เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

88TH เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จัก "88TH" ก่อนเข้าซื้อขายฯพรุ่งนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จัก "88TH" ก่อนเข้าซื้อขายฯพรุ่งนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้