สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1 ตุลาคม 2568)-------ประเทศไทย เผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เนื่องจากผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ การปรับตัวลดลงของความสามารถในการรองรับความเสี่ยงทางการคลัง (fiscal buffer) และภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวในงานสัมมนาประจำปีของบริษัทที่จัดขึ้นในวันนี้
งานสัมมนาเริ่มต้นด้วย การกล่าวเปิดงานโดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และ การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อปรับปรุงแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของประเทศ
คุณโธมัส รูคมาเคอร์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากฟิทช์ เรทติ้งส์ ฮ่องกง ได้ได้บรรยายเกี่ยวกับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยระบุว่า ฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 2.4% ในปี 2568 จาก 2.9% ในปี 2567 และมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่มีมากขึ้น บ่งชี้ถึงอุปสรรคต่อการส่งออกสำหรับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะที่การส่งออกของประเทศจีนยังคงทรงตัวได้ โดยบางส่วนเป็นการเปลี่ยนเป้าหมายการส่งออกไปยังประเทศปลายทางอื่น การเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอลงก็ส่งผลให้มาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง (fiscal consolidation) มีความล่าช้า เช่นในกรณีที่ประชาชนในประเทศเกิดความไม่พอใจและนำไปสู่การประท้วงด้านธรรมาภิบาลหรืออัตราค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
ฟิทช์ได้การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลที่ ‘BBB+ ’ของประเทศไทย เป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” จาก “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อฐานะการคลังของประเทศจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่ยืดเยื้อ ประกอบกับอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ล่าช้า และการลดระดับหนี้ของภาคครัวเรือน (household develaging) สถานะทางการคลังของประเทศไทยได้ปรับตัวด้อยลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจะยังสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อชดเชยการขาดดุลได้ด้วยต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอันดับเครดิตใกล้เคียงกัน ในขณะที่สถานะหนี้สินต่างประเทศ (external finance) ยังคงเป็นจุดแข็งที่สำคัญ
การนำเสนอในหัวข้อสุดท้ายของสัมมนา เรื่องแนวโน้มการดำเนินงานของภาคธนาคาร โดย คุณพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสถาบันการเงินของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของภาคธนาคารไทยมีแนวโน้มถดถอยลง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้ SME ฟิทช์คาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2569 จะยังคงมีความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ การเติบโตของสินเชื่อในระดับต่ำ และอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรองรับความเสี่ยง (loss absorption buffers) เช่น อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ และฐานะเงินกองทุน(core capital) ของภาคธนาคารยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารในภูมิภาคและเกณฑ์มาตรฐานของฟิทช์ และยังเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนโครงสร้างเครดิตที่พิจารณาจากฐานะการเงินของตัวธนาคารเอง (standalone alone credit profile) แม้ว่าอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย จะมี “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ”