Today’s NEWS FEED

News Feed

กกร.คาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม-ตัวเลขการส่งออก กกร. ยังคงประมาณการการเติบโตไว้ที่ 2–3%

98


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 1 ตุลาคม 2568)----------ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย ร่วมในการแถลงข่าว

กกร. ขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการหารือร่วมกับภาคเอกชน ผ่านการประชุมกับทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นและการทำงานแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลายข้อเสนอของภาคเอกชนได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว กกร. จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายเหล่านี้จะได้รับการผลักดันให้เกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงต่อไป พร้อมกันนี้ กกร. ยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้มาตรการด้านเศรษฐกิจไม่สะดุด และสามารถสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย กกร. ได้เสนอร่างพิมพ์เขียว เวที “Reinvent Thailand” เพื่อเป็นกรอบการทำงานที่รวดเร็วและคล่องตัวเหมาะสมกับบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ในการฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

การเร่งส่งออกที่หนุนเศรษฐกิจโลกช่วงที่ผ่านมาเริ่มแผ่วลง เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และในปีข้างหน้ามีทิศทางชะลอตัว โดย OECD ประเมิน GDP โลกปี 2568 โต 3.3% แต่ปัจจัยลบจากการขึ้นภาษีซึ่งกระทบการใช้จ่ายและการจ้างงาน จะกดดันเศรษฐกิจโลกปี 2569 ให้ชะลอลงเหลือโต 2.9% ทั้งนี้การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ จะหดตัว ซึ่งภูมิภาคอาเซียนจะหดตัว 9.7% ส่วนไทยจะหดตัว 12.7% ตามการประเมินของ UNDP สะท้อนความเปราะบางของการค้าโลก

ท่ามกลางภาวะนี้ ค่าเงินบาทยังแข็งค่าและมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่ออธิบายผลกระทบจากธุรกรรมทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบ ซึ่งทำให้ตัวเลขดุลการชำระเงินส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในหมวด “Errors & Omissions” โดยไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน กกร. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงข้อมูล เร่งแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมเหล่านี้ต่อภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) พร้อมทั้งพิจารณามาตรการเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างสมดุลในระยะยาว ที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า อาทิ การจัดตั้งกองทุน Sovereign Wealth Fund เพื่อเป็นกลไกเพิ่มเติมตอบโจทย์กับกิจกรรมการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์เดิม รองรับและบริหารความผันผวนอย่างเป็นระบบ

สำหรับตัวเลขการส่งออก กกร. ยังคงประมาณการการเติบโตไว้ที่ 2–3% โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ารุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนเห็นว่าหากสามารถดูแลเสถียรภาพและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเลขการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น กกร. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทบทวนประมาณการการส่งออกอีกครั้งในการประชุมเดือนหน้า

ไทยต้องเร่งยกระดับ Regional Value Content (RVC) เนื่องจากหากไม่สามารถรักษาระดับที่เหมาะสมได้ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ และส่งผลต่อแรงงานราว 4 แสนคนที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการใช้วัตถุดิบในประเทศ และเสริมสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้แข็งแรง โดยมี RVC ที่เหมาะสมอยู่ที่ 40% ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก

คาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม อย่างไรก็ดี หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้ได้ราว 1 ใน 3 ของงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ กระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ไปถึง 34 ล้านคน ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่โต 2.5%

กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ของ กกร.
%YoY ณ ม.ค.-เม.ย. 68 ณ พ.ค. 68 ณ มิ.ย. 68 ณ ก.ค. 68 ณ ส.ค. 68 ณ ก.ย. 68 ณ ต.ค. 68
GDP 2.4 ถึง 2.9 2.0 ถึง 2.2 1.5 ถึง 2.0 1.5 ถึง 2.0 1.8 ถึง 2.2 1.8 ถึง 2.2 1.8 ถึง 2.2
ส่งออก 1.5 ถึง 2.5 0.3 ถึง 0.9 -0.5 ถึง 0.9 -0.5 ถึง 0.3 2.0 ถึง 3.0 2.0 ถึง 3.0 2.0 ถึง 3.0
เงินเฟ้อ 0.8 ถึง 1.2 0.5 ถึง 1.0 0.5 ถึง 1.0 0.5 ถึง 1.0 0.5 ถึง 1.0 0.5 ถึง 1.0 0.5 ถึง 1.0

นอกจากนั้น กกร. ยังได้มีประเด็นสำคัญที่หารือเพิ่มเติม ดังนี้

1. สืบเนื่องจาก Problem Statement ของข้อเสนอ “Reinvent Thailand” กกร. จึงให้ความสำคัญกับสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยที่ยังคงอยู่ในระดับรุนแรงและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างชาติ ผลการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในเรื่องดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ชี้ว่าการทุจริตเชิงนโยบายและการทุจริตในระดับท้องถิ่นที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ที่ขาดความโปร่งใส การเรียกรับผลประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังคงเผชิญแรงกดดันต้องจ่ายเงินพิเศษให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิหรือสัญญาตามระบบราชการ

• ทั้งนี้ กกร. ได้จัดตั้งคณะทำงาน Zero Corruption : กกร. ไม่ทน ขึ้นมาโดยตรง เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม พร้อมจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มาตรการเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืนในระยะยาว โดยคณะทำงานดังกล่าวประกอบด้วย ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายที่เข้ามาร่วมผลักดัน ได้แก่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT, แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดบมีกรอบการทำงานของคณะทำงาน Zero Corruption ที่จะเน้นไปที่ 8 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) หลักธรรมาภิบาล 2) การปลูกฝังจิตสำนึก 3) นโยบายต่อต้านการทุจริต 4) ระบบบริหารความเสี่ยง 5) การมีส่วนร่วม 6) เทคโนโลยี 7) การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ 8) การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ (Guillotine) ที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ และจัดลำดับประเด็นที่จะต้องเร่งดำเนินการทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งคณะทำงานจะบูรณาการความร่วมมืออย่างจริงจังเพื่อต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม


• สืบเนื่องจากสภาผู้แทนราษฎร อยู่ระหว่างพิจารณา (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่ง กกร. ได้พิจารณาแล้วมีข้อกังวลต่อ ร่าง พรบ. ฉบับดังกล่าว เนื่องจากมีบางมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และเพิ่มภาระต้นทุนในการจ้างงานให้กับนายจ้าง นอกจากนี้ ร่าง พรบ. ดังกล่าว ยังขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ดังนั้น กกร. จึงขอให้มีการทบทวน ร่าง พรบ. คุ้มครองแรงงานฯ และขอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ. ดังกล่าว เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง รวมทั้ง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและภาพรวมเศรษฐกิจไทย

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

DELTA พาSETเด้ง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ใครกัน ลาก กระชาก หุ้นDELTA พาSET เด้ง งานนี้ บริษัท DELTA ไม่รู้ แต่ ฝ่าย...

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้