Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

96

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

Fund Flow

อัปเดต Sentiment การลงทุนในภูมิภาคจาก Fund Flow
กระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่ภูมิภาค ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3

Key Findings: นักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าภูมิภาค แม้แรงซื้อจะลดความร้อนแรงลง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ด้วยแรงซื้อ 2,288 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดความร้อนแรงลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ที่แรงซื้อทำระดับสูงสุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เก็บข้อมูลในปี 2000 ที่ 8,170 ล้านดอลลาร์ โดยกระแสเงินดังกล่าวยังคงหนาแน่นในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ นำโดยเกาหลีใต้ (1,321 ล้านดอลลาร์) และไต้หวัน (937 ล้านดอลลาร์) สะท้อนถึงความสนใจในตลาดที่มีความเชื่อมโยงกับธีม AI อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาด TIP (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติพลิกกลับเป็นเป็นการซื้อสุทธิได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เผชิญแรงขายต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์ โดยกระแสเงินพลิกกลับเป็นการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (183 ล้านดอลลาร์) และฟิลิปปินส์ (6 ล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตามแรงขายในตลาดหุ้นไทยกลับเร่งตัวขึ้น (-159 ล้านดอลลาร์)


Fund Flow ที่สะสมตั้งแต่ต้นปี: พลิกกลับมาเป็นการซื้อสุทธิครั้งแรกในปี 2025
แรงซื้อที่เข้ามาหนาแน่นในตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอด Fund Flow สะสมนับตั้งแต่ต้นปีพลิกกลับมาเป็นการซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกในปี 2025 ที่ 386 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามแรงซื้อดังกล่าวยังคงกระจุกตัวอยู่ที่ตลาดไต้หวันเพียงตลาดเดียว ที่มียอดซื้อสุทธิสะสมอยู่ที่ 8,342 ล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดอื่นๆยังเป็นการขายสุทธิสะสม โดยตลาดที่เผชิญแรงขายมากที่สุดคืออินโดนีเซีย (-3,546 ล้านดอลลาร์) ตามด้วยไทย (-2,711ล้านดอลลาร์) เกาหลีใต้ (-977 ล้านดอลลาร์) และฟิลิปปินส์ (-721 ล้านดอลลาร์)


Sector เด่นของภูมิภาคในสัปดาห์ที่ผ่านมา: พลังงานและเซมิคอนดักเตอร์
จากดัชนี Volume Index ของแต่ละตลาด พบว่าแรงซื้อโดดเด่นกระจายไปใน 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) Energy & Utilities ในฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย และ 2) Semiconductor ในไต้หวัน เกาหลีใต้และอินโดนีเซีย


Implications:
กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าสู่ภูมิภาคต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม แม้สัปดาห์ก่อนหน้าจะมีแรงไหลเข้าอย่างร้อนแรงจนแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ปรากฏการณ์นี้สะท้อนความเชื่อมั่นต่อแนวนโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงไตรมาส 1/2026 ขณะเดียวกัน สัญญาณจากหุ้น Semiconductor ในเกาหลีใต้และไต้หวันยังคงแข็งแกร่ง แม้ Volume Index จะทรงตัวในโซน Overbought ติดต่อกันถึง 11–12 สัปดาห์แล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าหุ้นเทคโนโลยียังเป็นธีมหลักที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุน โดยได้แรงหนุนจากกระแส AI ที่ยังอยู่ในช่วง Early Adoption Phase และอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง
สำหรับตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้ยังไม่พบกลุ่มที่มีสัญญาณเด่นชัด SET จึงน่าจะอยู่ในช่วงการสร้างฐานต่อเนื่องภายในกรอบ 1,250–1,320 จุดไปอีกสักระยะหนึ่ง

สรุปภาพตลาดวานนี้ SET ย่อมาแนวรับแรก 1280 วานนี้ โดยแรงกดดันของหุ้นใหญ่กระจายกลุ่มทั้ง GULF THAI PTT TRUE AOT ADVANC SCC KTC ขณะที่หุ้นที่รีบาวด์มีน้อยกว่า หลักๆ ใช้แรงพยุงจาก DELTA แต่พบมีบางตัวบวกสวนเทรนด์ขึ้นมา เช่น BTG COM7 WARRIX เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นไทยถอยมาให้รับ ยังไม่สิ้นสุดทางขึ้น
เราคงมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ถอยมารับ โดยแนวโน้มหลักยังไม่สิ้นสุดทางขึ้น

ประเด็นที่ต้องติดตาม และคาดจะมีผลต่อทิศทางราคาหุ้นรายตัว เราแนะนำ

1) แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท แม้จะยังคงอยู่ แต่คาดจะเริ่มลดความร้อนแรงลง โดยเราไม่คิดว่าเมื่อบาทอ่อนแล้วหุ้นไทยจะร่วงแรง เพราะที่ผ่านมา บาทแข็งจากปัจจัยอื่นที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น หรือแม้แต่ตลาดพันธบัตร: ผลกระทบต่อหุ้นไทยรายตัว หากบาทกลับทิศ อ่อนค่า เราแนะนำ หุ้นท่องเที่ยว โรงแรม ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค

2) ความคาดหวังนโยบายระยะสั้นที่ อาจจะกลายเป็นนโยบายระยะยาว จาก ครม.นายก อนุทิน โดยเรามองไปถึงโอกาสที่รัฐบาลนี้อาจกลับมาจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า และสานต่อนโยบายเรือธง หลังเห็นสัญญาณย้ายพรรคฯ และรวบรวมเสียงเพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้า: ผลกระทบต่อหุ้นไทยรายตัว เช่น รับเหมาก่อสร้าง สายเรือ โลจิสติกส์ (Land-bridge), คนละครึ่งเวอร์ชั่นใหม่, เงินกู้ฉุกเฉิน, โซลาร์ติดบ้าน

3) ประเด็นอื่นๆ เช่น โอกาสกลับมารับงาน ส่งต่อคนไข้คูเวต ของรัฐบาลคูเวตที่กำลังประสานงานกับทาง รพ.ไทย, ทิศทางราคาพลังงาน และน้ำมันดิบ คาดจะเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และมาตรการ ทรัมป์ ที่ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน โรงไฟฟ้าที่มีกำหนดปิด ต้องขยายเวลาเพื่อผลิตไฟฟ้าต่อไปก่อน

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ปรับลงต่อเนื่องลักษณะ “Three black crows pattern” ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง (สีแดง) ยาวสามแท่งติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า แนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลงและแนวโน้มขาลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ขณะที่โมเมนตัม MACD ส่งสัญญาณเตือน (ก่อน) “bearish divergence” แม่นยำ ล่าสุดกำลังจะตัดเส้น signal line ลง (Ending wave 5) จับตา Signal warning เมื่อดัชนีหลุดเส้น EMA 5 วัน 1,295! จุดเริ่มต้นการปรับฐานของตลาดเริ่มต้นขึ้นแล้ว โซนรับแรกคาดว่าจะอยู่บริเวณเส้น EMA 25 วัน 1,270 จุด ( corrective wave a)

อย่างไรก็ตามมุมมองระยะยาวหากดัชนีปรับฐานย่อยเสร็จสิ้น จะมีแนวโน้มขึ้นต่อ ขึ้นสู่เป้าหมายที่ 1,330 จุด (Fibonacci retracement 61.8%) นักลงทุนที่เล่นรอบ ขายหายหุ้นไปแล้ว หรือรอจังหวะช้อนซื้อ แนะจับตาโซนรับบริเวณ 1,250-1,270 จุด

ไฮไลท์หุ้น: แผนแก้มือ “KTC” (ห้ามหลุดโซนรับ)/ PTT ถือต่อหรือพอแค่นี้ / AOT โซนรับแข็งแกร่ง..อยู่ตรงไหน / CBG sideway up แต่มีเงื่อนไขห้ามหลุดโซนรับ / KCE ถึงรอบปรับฐาน....signal alert!”…


What to watch
ตั้งทีมงานร่วมตรวจสอบต้นตอทำบาทแข็ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทย ถึงแนวทางความร่วมมือกันช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เร็วและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการแก้ปัญหาเก่า เช่น หนี้ครัวเรือน ซึ่งได้รับคำแนะนำที่ดีจากสมาคมธนาคารไทย
ส่วนประเด็นเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเงินสีเทาไหลเข้ามานั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า ตามนโยบายนายกฯ "สั่งวันนี้ ให้ทำเมื่อวาน" ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนได้ประสานกับทีมที่กระทรวงการคลังให้ Connect the Dots ไว้แล้ว และวันนี้ทางสมาคมธนาคารไทยมาฉายภาพให้เห็น และชี้จุดเดียวกันที่เราเจอ คือ เรื่องค่าเงิน
(ติดตามฤดูพายุในภูมิภาคนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบริหารจัดการน้ำในประเทศ ส่วนในฝั่งอเมริกา คาดจะเริ่มมีพยากรณ์พายุ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางราคาพลังงาน) สนามบินนานาชาติฮ่องกงกำลังพิจารณาระงับเที่ยวบินโดยสารทั้งหมดเป็นเวลา 36 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เย็นวันอังคารนี้ ในขณะที่ฮ่องกงกำลังเตรียมตัวรับมือกับพายุรากาซา (Ragasa) หนึ่งในซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
ด้านฟิลิปปินส์ได้สั่งปิดหน่วยงานราชการและโรงเรียนในกรุงมะนิลาและพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศในวันนี้ ขณะที่พายุรากาซาเคลื่อนตัวไปทางเหนือของลูซอนช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก

หุ้นแนะนำวันนี้

IVL หลังกำไรไตรมาสที่ 2/25 ทำได้ดีกว่าคาด แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/25 มีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร (Turn around)
แนวรับ 22.7 ต้าน 24 Stop loss 22

Tactical port
ถอด MINT เพิ่ม IVL

 

 

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Commodities Tracker
ค่าระวางเรือเทกองเด่นสุดในกลุ่ม
ภาพรวม: สัปดาห์ที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวคนละทิศทาง โดย ค่าระวางเรือเทกอง (Dry bulk) ยังคงโดดเด่นที่สุด ขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ ปรับขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลอุปทานรัสเซีย ส่วน ค่าการกลั่น (GRM) อ่อนตัวแรงจากค่าระวางที่สูงขึ้น แม้ crack spreads หลักยังขยายตัว ด้าน สเปรดเคมีภัณฑ์ อ่อนลงเกือบทุกชนิดตามต้นทุนนาฟทาที่สูงขึ้น ขณะที่ ราคาถ่านหิน และ ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ ลดลงต่อเนื่อง

น้ำมันดิบ: ราคาดูไบ +0.41 เหรียญ WoW มาที่ 70.32 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลอุปทานรัสเซีย

ค่าการกลั่น: GRM สิงคโปร์ -1.11 เหรียญ WoW เหลือ 3.12 เหรียญ/บาร์เรล กดดันจากค่าระวางสูงขึ้น แม้ crack spreads หลักยังดีขึ้น โดย Gasoline +0.57, Jet +1.08, Diesel +0.35 WoW

เคมีภัณฑ์: Spreads อ่อนลง: Ethylene -16 มาที่ 206 เหรียญ/ตัน, Propylene -16 มาที่ 161 เหรียญ/ตัน, HDPE -6 มาที่ 336 เหรียญ/ตัน, PP -26 มาที่ 316 เหรียญ/ตัน

ถ่านหิน: NEX ลดลง -0.84 เหรียญ WoW (-1%) มาที่ 101.16 เหรียญ/ตัน
ค่าระวางเรือ: BDI +90 จุด (+4% WoW) มาที่ 2,179 นำโดย Capesize +9% และ Supramax +1% ขณะที่ Panamax -1% ส่วน WCI (container freight) ลดลงแรง -6% WoW มาที่ 1,913

Fundamental view: หุ้นเด่นยังคงเป็น TOP (GRM สูงและ valuation ถูก), IVL (กำไร 2H25 ดีขึ้น HoH), และ PTTGC (แนวโน้ม 3Q25 ดีขึ้น QoQ) ขณะที่หุ้นเดินเรือควรจับตาผลจากภาษีนำเข้าใหม่ก่อน

Tourism Sector
สรุปงาน BLS Tourism Day จากจุดต่ำสุด สู่การฟื้นตัว...
ภาพรวม: ภาคการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 1H25 โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนก.ค.–ส.ค. กลับมาเพิ่มขึ้น MoM ขณะที่ ยอดจองล่วงหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ปี 2025 จะยังเป็นปีเปลี่ยนผ่าน แต่สัญญาณเชิงนโยบายและการเน้นตลาดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงทำให้แนวโน้มปี 2026–27 ดีขึ้น

มุมมองนโยบายจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.): ยุทธศาสตร์ The New Thailand 2026 จะเน้นการสร้างคุณค่า (value-driven) มากกว่าปริมาณ โดยโฟกัสตลาดกำลังซื้อสูง เช่น ตะวันออกกลางและยุโรป ผ่านการเพิ่มเที่ยวบินตรง รวมถึง Wellness, Medical และ Sport tourism

ประเด็นจากบริษัทจดทะเบียน:
CENTEL: เห็นการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด โดย Maldives มี occupancy ดีขึ้นจาก 20% ใน 2Q25 เป็น 39% ใน 3Q25 และคาด 40–50% ใน 4Q25 ขณะที่โรงแรมในไทย RevPar +5% YoY ใน 3Q25 หนุนจากสมุย หาดใหญ่ และพัทยาที่เพิ่งรีโนเวต และร้านอาหารคง outperform ด้วย SSSG +2–3% ใน ก.ค.–ส.ค.
SPA: เดินหน้าสู่ S-curve ใหม่ด้วย Wellness destination ที่หาดนาจอมเทียน เปิดปี 2027 ตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 200 คน/วัน อีกทั้งยังขยายสาขาใหม่อีก 10 แห่งในปี 2025 รองรับ Wellness tourism

AAV: ในระยะสั้นยังเผชิญความเสี่ยง โดยลดเป้าหมายฝูงบินปีนี้เหลือ 60 ลำ (จาก 62 ลำฉ แม้ 4Q25 จะได้แรงหนุนจาก High season แต่การแข่งขันสูงและดีมานด์อ่อนยังเป็นข้อจำกัด

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ขอลงลึก อีกนิด By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็น ดัชนีหุ้นไทย ตอนนี้ แบบว่า ขอให้หุ้น ให้SET ลงอีกนิด เอาแบบ แตะ 1,270 จุด....

SA คว้ารางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2568"

SA คว้ารางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2568"

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้