Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

86

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 19 ก.ย.68 ปิด -4.29 จุด อยู่ที่ 1,292.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,981 ลบ. ต่างชาติขาย 3,190 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 369 ลบ. สถาบันซื้อ 441 ลบ. และรายย่อยซื้อ 3,118 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,133 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,PTT,DELTA,AOT,CPN และยอดขายหุ้น TRUE,KBANK,SISB,BTG,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,568 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,MEGA,TPIPP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 2,745 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 31,006 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 302 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.37%, S&P500 +0.49%, Nasdaq +0.72% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี +1.19%, สาธารณูปโภค +0.65% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -1.28%, อสังหา ฯ -0.47% โดยตลาดหุ้นสหรัฐได้ปัจจัยหนุนหลังเฟดปรับลดดอกเบี้ย 25% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.16% กลุ่มสื่อสาร -2.4%, พลังงาน -0.80% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +1.26%, กลุ่มป้องกันประเทศ +0.80% โดยดัชนีหุ้นยุโรปถูกกดดันจากสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส
  • Market View
  • DJIA +1.05%, S&P500 +1.2%, Nasdaq +2.2% WoW หลังผลการประชุมเฟดมีมติ 11 – 1 ลดดอกเบี้ย 25% อยู่ที่ 4.0 – 4.25% พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และลดอีก 1 ครั้งในปีหน้า โดยเฟดให้สาเหตุที่ปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงของตลาดแรงงานสหรัฐที่ชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อยังควบคุมได้ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกไปยังหุ้นกลุ่ม Growth ของสหรัฐ ขณะที่การหารือระหว่าง รมว.คลังสหรัฐกับรองนายก ฯ จีน ที่สเปนในกรณีการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐนั้น ได้เลื่อนเส้นตายการตกลงออกไปจนถึง 16 ธ.ค. นี้ โดย ปธน.ทรัมป์ - สี จิ้นผิง มีนัดการเจรจากันในการประชุม Apec ที่เกาหลีใต้ ต.ค. นี้ ก่อนจะถึงเส้นตายของ ม.ผ่อนผันด้านภาษีศุลกากรในวันที่ 11 พ.ย. สัปดาห์นี้วันอังคารติดตาม US PMI ภาคการผลิต & บริการ ก.ย.,ถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด, วันพฤหัส US GDP Q2/68 และวันศุกร์ US PCE ส.ค.    
  • Stoxx600 ยุโรป -0.13% WoW แม้ว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยียุโรป +4.9% หลังเฟดปรับลดดอกเบี้ย และอุปสงค์ของชิป AI อยู่ในระดับสูง แต่ดัชนียังถูกกดดันจากสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส หลังมีผู้ชุมนุมคัดค้าน ม.รัดเข็มขัดของรัฐบาล ส่งผลให้ ปธน.มาครงต้องเปลี่ยนตัวนายก ฯ คนที่ 5 ในรอบไม่ถึง 2 ปี โดยFitch Rating ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสจาก AA- ลงอยู่ที่ A+ ส่วนผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษมีมติ 7 – 2 คงดอกเบี้ยที่ 0% สัปดาห์นี้วันอังคารติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ย.
  • MSCI Asia Pacific X Japan Index -0.13% WoW หลังดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.30% WoW ถูกแรงขายกำไรจากความกังวลทางการจีนจะออก ม.คุมการเก็งกำไรในตลาดหุ้น กอปรกับ ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย Repo Rate 7 วัน อยู่ที่ 4% และคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปีไว้ที่ระดับเดิม บ่งชี้รัฐบาลจีนอาจจะยังไม่เร่งออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +1.4%, นิเกอิ +0.6% WoW ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผลิตชิป AI ที่ปรับขึ้นตามกลุ่มเทค ฯ ของสหรัฐ ขณะที่ผลการประชุม BOJ มีมติ 7 – 2 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% จากความกังวลต่อเสถียรภาพการเมือง หลังนายก ฯ อิชิบะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP กอปรกับ BOJ ส่งสัญญาณลดการถือครอง ETF มูลค่า 37 ลล.เยน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการญี่ปุ่น ก.ย., วันศุกร์ Tokyo CPI ก.ย.
  • SET -0.07% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 47 หมื่น ลบ.-2.6% WoW พอร์ตโบรกขาย 1,961 ลบ. ต่างชาติขาย 5,067 ลบ. สถาบันซื้อ 1,645 ลบ. และรายย่อยซื้อ 5,383 ลบ. WoW โดยดัชนี SET เริ่มทรงตัว หลังก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นตอบรับการคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนท์, ท่องเที่ยว, อสังหา & รับเหมาก่อสร้าง ที่เป็นกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก็เริ่มถูกแรงขายทำกำไร กอปรหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีก็ชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบและรัฐบาลจีนอาจจะยังเร่งออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ โดยประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้วันพุธ ครม.อนุทิน 1 จะเข้าถวายสัตย์และเริ่มประชุม ครม.นัดแรก เพื่อเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐบาลคาดในช่วงวันที่ 29 ก.ย. – 1 ต.ค. เพื่อติดตามรายละเอียดของนโยบายหลักที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ม.คนละครึ่ง, แก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า & ภาษีนำเข้าสหรัฐ, ม.ช่วยเหลือค่าครองชีพ, ม.เสริมสภาพคล่องให้กับ SMEs และปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา

     Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,280 - 1,290 หากยืนได้ คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวไปที่แนวต้าน 1,300 - 1,310 โดยได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน กอปรคาด กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกอุปโภค CPALL,CPAXT,TNP,ICHI,OSP,SAPPE/ ไฟแนนท์ AEONTS, TIDLOR, TISCO และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น CHG, PR9, GPSC
  • TFM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.60 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 194 ล้านบาท +47%QoQ, +50%YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้งและอาหารปลา มียอดขายรวม 48 พันล้านบาท +20%QoQ, +14%YoY โดยสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.9% ขณะที่ควบคุม SG&A/Sale ได้ดีลดลงอยู่ที่ 8.3% แนวโน้มปี 68 บริษัทคาดรายได้โต 7-9%YoY (1H68 +6.3%YoY) โดยหลักจากธุรกิจอาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศไทย แม้ตลาดกุ้งในอินโดฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ประเมิน GPM 19-21% มีแผนลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรลดต้นทุนและขยายกำลังการผลิต นอกจากนี้คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q68 ที่เป็น high season และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ไทยต้องเปิดตลาดทำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรในปี 68 ที่ 567 ล้านบาท +6%YoY
  • BCH (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 18.40 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 388 ลบ.(+40%YoY, +21%QoQ) หลักๆมาจากการรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มจากการรักษาผู้ป่วย 26 โรคเรื้อรังของ SSO ราว +60 ลบ.(After Tax) ส่วนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง แม้ 3Q68 คาดว่ายังท้าทายจาก 3Q67 มีรายการบวก 26 โรคเรื้อรัง และ มีการระบาดของโรคท้องถิ่นสูง อย่างไรก็ตามคาด 4Q68 เห็นการฟื้นตัวเด่น YoY จากการรับรู้รายได้โรค ARw>2 ที่อัตราคงที่ 1.2 หมื่นบาท/Adj.RW ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังคาดหวัง Sentiment บวกจากสัญญาณดีขึ้นจากคูเวต โดย BCH เป็นหนึ่งในร.พ.ที่ได้รับเชิญไปงาน Rediscovering Health in Thailand ช่วงสัปดาห์ก่อน

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค.-$0.89 อยู่ที่ $62.68 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.76 อยู่ที่ $66.68/บาร์เรล หลังเฟดปรับลดลงดอกเบี้ยลง 0.25% ครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่สต็อคน้ำมันกลั่นของสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4ล.บาร์เรล

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$27.50 อยู่ที่ $3,705.80 /ออนซ์ ได้แรงหนุนหลังเฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +30.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -158.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +182.62 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.26 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 31.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.139 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -2 อยู่ที่ 2,203

(-) BitCoin เช้านี้ -0.63% อยู่ที่ 114,947 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.0 และ 3.5% ตามลำดับ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

23 ก.ย.     ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์

และชิ้นส่วนยานยนต์

30 ก.ย.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

23 ก.ย.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.) 

24 ก.ย.     US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

25 ก.ย.     US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

26 ก.ย.     US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ส.ค.)

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

iPhone 17 Series By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นบรรยากาศการซื้อขายiPhone 17 Series แล้ว กระแสแรง สะท้อนถึงกำลังซื้อของเหล่า บรรดาสาวก....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้