สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(19 กันยายน 2568)-----------วันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2568 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn Business School – CBS) และธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการ SMART SMEs GO Digital & AI คิดไว ทำได้ พร้อมแข่งขัน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 3 C asean อาคารไทยเบฟควอเตอร์ พระราม 4 กรุงเทพฯ
โครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) โดยมุ่งสร้างกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน SME ไทยให้ก้าวข้ามอุปสรรค ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเติบโตเป็น SMART SMEs ที่มีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิดหลัก
• คิดไว – มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งานและเข้าถึงได้ง่าย เพื่อทำหน้าที่เป็นคู่คิดและที่ปรึกษา
• ทำได้ – ยกตัวอย่าง Use case ที่ประสบความสำเร็จและสามารถนำไปใช้ได้จริง
• พร้อมแข่งขัน – ยกระดับทักษะดิจิทัลของผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลได้อย่างเต็มที่
โครงการนี้ ยังมีการออกแบบหลักสูตรการใช้ Generative AI สำหรับ SMEs โดยยึดหลักการเรียนรู้จากโจทย์จริง ควบคู่กับเครื่องมือใช้งานที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้ทันที
งานดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บรรยายพิเศษในหัวข้อ "Transforming Thai SMEs into Smart Industries" โดยเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม หาก SMEs ไทยไม่เร่งปรับตัว อาจหลุดจากห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักอย่างยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และ Green Supply Chain ทั้งนี้ ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการแข่งขันในอนาคต ส.อ.ท. จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs เริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI อย่างจริงจัง เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตสมัยใหม่ในทุกภูมิภาค
ด้าน ดร.วิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล ประธานคณะทำงานส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ "Government Support for Smart SMEs Transformation" โดยกล่าวว่า "นโยบายภาครัฐมุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของ SMEs สู่ระบบดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมาตรการสนับสนุนครอบคลุมหลายด้าน อาทิ การจัดหาแหล่งเงินทุน โครงการพัฒนาทักษะและศักยภาพบุคลากร รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการก้าวสู่ยุคดิจิทัลของ SMEs จะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างโอกาสในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ"
นอกจากนี้ ยังมีการจัดเสวนา เรื่อง "Smart SMEs Go Digital & AI" เพื่อให้ข้อมูลกับผู้เข้าร่วมงานโดยนายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) กล่าวว่า "ในฐานะผู้ริเริ่มและประธานโครงการ ผมมองเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับ SMEs ไทยให้พร้อมรับมือกับภูมิทัศน์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โครงการนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการเข้าใจและใช้ศักยภาพของ Generative AI ได้อย่างเต็มที่ โดยทำหน้าที่เป็นทั้งคู่คิดและที่ปรึกษาในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลาในงานซ้ำซ้อน และต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรมกลุ่มเป้าหมายของโครงการ คือ ผู้บริหารในสถานประกอบการที่ต้องการพัฒนาศักยภาพองค์กรผ่านการใช้ Gen AI โดยโครงการมี 5 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ (1) การสร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วม เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจโอกาสและประโยชน์ของการใช้ Gen AI ในธุรกิจ (2) การฝึกอบรม Bootcamp ระยะเวลา 2 วัน ครอบคลุมการเรียนรู้ 5 ระดับ ตั้งแต่การใช้ Gen AI ขั้นพื้นฐานจนถึงการบูรณาการเข้ากับระบบงานจริง (3) กิจกรรม Group Pitching เพื่อฝึกคิดเชิงวิเคราะห์และการออกแบบโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับธุรกิจ (4) การให้คำปรึกษาเชิงลึกแบบออนไลน์ (Online Mentoring) เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะด้านและเพิ่มความแม่นยำในการใช้งาน และ (5) การถอดบทเรียนและเผยแพร่กรณีศึกษา (Case Study) เพื่อขยายผลและสร้างต้นแบบการใช้ Gen AI ในภาคอุตสาหกรรม
เราคาดหวังว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับทักษะด้าน Gen AI ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที สามารถวิเคราะห์ปัญหาเชิงลึกเพื่อแก้ไขอย่างเป็นระบบ และสร้างต้นแบบการใช้ AI ที่ผ่านการทดสอบแล้วในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในการปรับใช้จริง และลดความเสี่ยงในการลงทุนด้านเทคโนโลยี
ท้ายที่สุด โครงการนี้จะช่วยเปลี่ยนความซับซ้อนของธุรกิจให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยพลังของ AI เชิงสร้างสรรค์ ที่ไม่เพียงลดต้นทุนและเพิ่มกำไร แต่ยังสร้างเครือข่าย SMEs ที่พร้อม คิดไว ทำได้ และแข่งขันได้ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน"
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ดนุพล หุ่นโสภณ ผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม Chulalongkorn Business School เสริมว่า ในแง่ของภาคการศึกษา คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของบุคลากรและองค์กรให้ก้าวทันโลกดิจิทัล โครงการ SMART SMEs GO Digital & AI จึงเป็น "สะพานเชื่อมองค์ความรู้จากภาค
วิชาการสู่ภาคปฏิบัติ" ที่จะช่วยให้ SMEs เข้าถึงหลักสูตรและเนื้อหาที่ทันสมัยและนำไปใช้ได้จริง โดยคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับทั้งทักษะและ Mindset ที่จำเป็นในการนำดิจิทัลและ AI มาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ การบริหารจัดการ และการสร้างนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค ผ่านการทำ Use Case ที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันพัฒนาแนวทางการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ในอนาคตได้อย่างแท้จริง
นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ในฐานะสถาบันการเงินที่ทำงานใกล้ชิดกับ SMEs ธนาคารกสิกรไทย ตระหนักดีว่าดิจิทัลและ AI คือ "พลังขับเคลื่อนสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจ" และเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อความอยู่รอดและการเติบโตขององค์กร ดังนั้น โครงการนี้จะช่วยให้ SMEs สามารถปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยสามารถนำดิจิทัลและ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างตรงจุด และบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้และลดต้นทุนในระยะยาว ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยพร้อมสนับสนุน SMEs ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ แพลตฟอร์มดิจิทัล หรือแหล่งเงินทุนที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล และเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน