วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง เนื่องจากนักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดที่ประกาศช่วงเช้ามืดวันนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% อีกทั้งนักลงทุนรอการจัดตั้ง ครม. มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และไอซีที มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มขนส่ง และค้าปลีกส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,306.69 จุด -1.50 จุด -0.11% มูลค่าการซื้อขาย 48,098.33 ลบ.Program Trading -1,781.7 ลบ. ต่างชาติ-199.7 ลบ. TFEX +9,460 สัญญา ตราสารหนี้+3,808.6 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 260.42 จุด หรือ +0.57% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบหลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณระมัดระวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
+ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) มีมติ 11 ต่อ 1 เสียง อนุมัติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%สู่ระดับ 4.00-4.25% ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีก2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% 1 ครั้งในปี 2569 และ 1 ครั้งในปี 2570และจะไม่มีการปรับลดในปี 2571
+ บรรดาธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจาก FEDปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกของปีนี้
+ ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ2.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
+ อังกฤษและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยี "TechProsperity Deal" มูลค่า 3.1 หมื่นล้านปอนด์ (4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)เพื่อเสริมศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง และพลังงานนิวเคลียร์พลเรือน หลังการเยือนอังกฤษครั้งที่สองของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 47 เซนต์ หรือ -0.73% ปิดที่64.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัวในสหรัฐฯ
- ส.อ.ท. เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.68พบว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 86.4 ลดลงเล็กน้อยจาก 86.6 ในเดือนก่อนหน้า ต่ำสุดในรอบ 39 เดือน เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐล่าช้า
- สศช. รายงานสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยปี 2567 พบว่า มีจำนวนคนจนเพิ่มขึ้นเป็น 3.43 ล้านคน หรือ 4.89%ของประชากรทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจาก 3.41% ในปี 2566 โดยคนจนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคเกษตรถึง 45.49%

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเฟด มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม. ชุดใหม่ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,300-1,315 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
- กระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP
- ปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. : CBG MENA BJC CPALL CPAXT TNP KK MOTHER
- FTSE Rebalance ใช้ราคาปิดวันที่ 19 ก.ย. : Large Cap หุ้นเข้า – หุ้นออก CPAXT Mid Cap หุ้นเข้า CPAXT หุ้นออก BGRIM, SAWAD Small Cap หุ้นเข้า BGRIM,SAWAD หุ้นออก BSRC, BEC, FORTH, PSH, THANI, SINGER, SUPER, TKN, TQM