Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

79

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ย่อบ้าง แต่ยังอยู่ในรอบฟื้นตัว
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว


Market Strategy
SET Index คาดพักตัวตามกรอบ 1295-1315 จุด มองการประชุม FED ที่ส่งสัญญาณ Dovish น้อยกว่าตลาดคาด อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยในประเทศที่ยังอยู่ในช่วงลุ้นต่อมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ ยังเป็นตัวจำกัด Downside หุ้นเด่นวันนี้เลือก TLI

ผลการประชุม FED ลดดอกเบี้ยฯ ตามคาดที่ 0.25% มาที่ 4.25% เนื่องจากคณะกรรมการ FED มีมุมมองต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงานที่ชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED ที่สะท้อนผ่าน FOMC Dot Plot คาดว่าจะลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 2 ครั้ง และปีหน้า 1 ครั้ง (ครั้งละ 25 bps) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าตลาดคาดว่าปีนี้จะลด 2 ครั้งและปีหน้าลด 3 ครั้ง หรือตีความได้ว่า Dovish น้อยกว่าตลาดคาด ส่งผลให้มีแรง Sell on Fact ในตลาดการเงินต่างๆ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 -0.1% NASDAQ -0.3% ส่วน Dow Jones ลดช่วงบวกเหลือ 0.6% จาก 1% ในช่วงแรก ด้านตลาดตราสารหนี้ U.S. Bond Yield 2 และ 10 ปี ปรับขึ้น 5-6 bps ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.25% การเคลื่อนไหวข้างต้นมองเป็น Sentiment ลบอ่อนต่อตลาดหุ้นบ้านเรา โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงที่เคยเก็งกำไรขึ้นกันสูง อย่างกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มโรงไฟฟ้าให้มีแรงขายทำกำไรออกมาได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามด้านแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยฯที่เป็นขาลงต่อ และหากอยู่บนเงื่อนไขเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ได้เข้าสู่ภาวะ Recession คาด SET Index และหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ยังอยู่ในรอบการฟื้นตัว จังหวะย่อจึงเป็นโอกาสซื้อ

ประเด็นในประเทศยังอยู่ในช่วงขั้นตอนรอโปรดเกล้ารายชื่อ ครม.ใหม่ รวมถึงความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและข้อเสนอแนะต่างๆของภาคเอกชน ซึ่งวันนี้ทางสภาหอการค้าไทยจะมีการหารือกับว่าที่ รมว.คลัง ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนการออกมาตรการคนละครึ่ง รวมถึงเสนอมาตรการกระตุ้นภาคบริโภค (Easy E-Receipt) ท่องเที่ยว (โครงการเราเที่ยวด้วยกัน) โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้เป็นกลุ่มค้าปลีกชอบ COM7 CPALL และกลุ่มท่องเที่ยวชอบ ERW AWC และ CENTEL

 

Market Summary
SET Index ติดลบ 1.5 จุด แรงกดดันจากแรงขายลดเสี่ยงก่อนผลประชุม FED โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยฯ ขาลงที่เคยถูกเก็งกำไรขึ้นไปอย่าง กลุ่มไฟแนนซ์ SAWAD -4.8% TIDLOR -2.4% MTC -1.7% โรงไฟฟ้า BGRIM -3.6% GPSC -1.2% และ AOT -1.3% ที่ถูกขายหลังวันก่อนขึ้นแรงเกินเหตุ จากประเด็นการปรับขึ้นค่า PSC ส่วนกลุ่มที่ขึ้นเด่นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น PTTEP +1.3% TOP +0.7% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 199 ล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 621 ล้านบาท

 

DAILY Stock Pick
TLI
Bond Yield ฟื้นตัว
กอปร Laggard play
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.00 บาท
Dot Plot ของ FED เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณนโยบาย dovish น้อยกว่าที่ CME FedWatch คาด โดยที่ FED ให้น้ำหนักในการลดดอกเบี้ยปี 68 อีก 2 ครั้งและ ปี 69 อีก 1 ครั้ง ในขณะที่ CME FedWatch ให้น้ำหนักในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 68 และ 3 คร้ังในปี 69 ส่งผลให้ U.S. Bond Yield ปรับขึ้นทุกช่วง โดย Bond Yield 10 ปีเพิ่มขึ้น 5.5 bps ด้าน U.S. Bond Yield 2 ปีปรับขึ้นราว 4.3bps
TLI ให้ผลตอบแทน +16.9% เทียบกับ SET Index +23.4% นับตั้งแต่ SET Index ทำจุดต่ำสุดในวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ในขณะที่ P/EV เพียง 0.67 เท่า เทียบกลุ่มภูมิภาคที่ซื้อขาย P/EV ที่ 1 เท่า โดยเราคาดอัตราเงินปันผลปี 68-70 ที่ 5-6% ช่วยจำกัด Downside


WEEKLY Stock Pick
TTB
เราคาด ปันผล 1H68 สูงที่สุดในกลุ่ม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.00 บาท
เราคาดว่า TTB จะประกาศจ่ายปันผล 0.065 บาทต่อหุ้น ใน 1H68 หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผล 3.4% สูงที่สุดในกลุ่มที่จ่ายปันผลเฉลี่ย 1.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กำไรในปี 69-70 เราคาดเติบโตเฉลี่ย 5% จากทั้งรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่วนกำไรใน 2H68 เติบโต HoH เนื่องจาก Credit cost ที่ลดลง ตามกลยุทธ์ที่เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น


KEY FACTOR
Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ พร้อมกับส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายผ่าน Dot Plot บ่งชี้โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และต่อเนื่องในปีหน้าอีก 1 ครั้ง (ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 3 ครั้ง ในปีหน้า) ให้น้ำหนักตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคแรงงานที่อ่อนแอกว่าคาด แต่อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ นอกจากนี้ยังเปิดเผยประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ความเสี่ยงมากขึ้น 1) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 และ 2569 +1.6% และ 1.8% (จาก 1.4% และ 1.6% ตามลำดับ) 2) คาดการณ์เงินเฟ้อ (Core PCE) ปี 2568 และ 2569 ที่ระดับ +3.1% และ +2.6% (จาก +3.1% และ +2.4% ตามลำดับ)

การส่งสัญญาณที่ผ่อนคลายน้อยกว่าคาด ในปีหน้าส่งผลให้มีแรงขายทำกำไร S&P500 ปิด -0.1% และ Nasdaq -0.33% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ขยับขึ้นมายืนบริเวณ 4.1% ขณะที่ Dollar Index ฟื้นตัวเล็กน้อย +0.13%

EYES ON
ในสัปดาห์ นโยบายของรัฐบาลใหม่
18 ก.ย. ผลการประชุม FOMC

 

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์ พร้อมยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็ก พาธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืน

CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์ พร้อมยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็ก พาธุรกิจ

PCE เร่งเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม เฟส 2 ดันรายได้พุ่งแตะ All Time High

PCE เร่งเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม เฟส 2 ดันรายได้พุ่งแตะ All Time High

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้