News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

18 ก.ย. 2568 09:20:04 89

Market Wrap-Up

SET วันที่ 17 ก.ย.68 ปิด -1.50 จุด อยู่ที่ 1,306.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,098 ลบ. สถาบันขาย 621 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 237 ลบ. ต่างชาติขาย 199 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,058 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 478 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,KTB,EA,DELTA,KBANK และยอดขายหุ้น CPALL,BTS,BBL,VGI,TTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,593 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,QH,MEGA โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,412 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 36,871 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,808 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.57%, S&P500 -0.10%, Nasdaq -0.33% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน +0.96%, สินค้าอุปโภคบริโภค +0.90% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.70%, อุตสาหกรรม -0.45% หลังมีเฟดมีมติลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.0 – 4.25% ตามคาดการณ์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.03% ถูกแรงขายจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ -1.2%, ทรัพยากรพื้นฐาน -1.2% และกลุ่มธนาคาร -1% ระหว่างรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวานนี้
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปรับลดลง หลังเฟดมีมติ 11 – 1 เสียง ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.0 – 4.25% และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด โดยปีหน้าคาดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง ส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐในปี 69 คาดอยู่ที่ 3.4% โดยเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ US GDP ปีนี้ที่ 1.6% & เดิมที่ 1.4% และคาด US PCE ปี 68, 69, 70 ที่ 3.1%, 6% และ 2.1% ตามลำดับ ซึ่งเหตุผลที่เฟดลดดอกเบี้ยมาจากตัวเลขการจ้างงานที่มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อยังพอควบคุมได้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลงจากแรงขาย Nvidia -2.6% หลังจีนสั่งให้บริษัทเทค ฯ รายใหญ่ของจีนระงับการซื้อชิป AI ของ Nvidia ตามนโยบายเน้นการใช้ชิปของผู้ผลิตในประเทศจีน สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามการหารือทางโทรศัพท์ระหว่าง ปธน.ทรัมป์ – สี จิ้นผิง ในกรณีแยกขายกิจการ TikTok ในสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปทรงตัวระหว่างรอผลการประชุมเฟด โดยหุ้นกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ, กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับลดลงตามราคาทองแดง ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้น นำโดย SAP +3.2% จากคาดการณ์รายได้จากธุรกิจคลาวด์อยู่ในทิศทางบวก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น UK CPI ส.ค. อยู่ที่ +3.8% YoY และ +0.3% MoM ส่งผลให้ตลาดคาดผลการประชุม BOE อังกฤษวันนี้มีโอกาสคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.0%
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.37% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี AI และ ปธน.ทรัมป์ได้ขยายระยะเวลาแยกกิจการ TikTok สหรัฐออกจาก ByteDance ของจีนจนถึงวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่ง ปธน.ทรัมป์มีนัดเจรจาทางโทรศัพท์กับ ปธน. สี จิ้นผิงในวันศุกร์นี้ ส่วนฮั่งเส็ง +1.78% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.5% นำโดย SMIC +7.2% รับข่าวเริ่มผลิตชิป AI ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี DUV ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพา ASML, Nvidia เช่นเดียวกับ Baidu +16%, Alibaba +5% ปิดทำจุดสูงสุด โดยนักลงทุนรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำ และวันศุกร์ติดตามผลการประชุม BOJ ซึ่งคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5%
SET วานนี้ -0.11% ปริมาณการซื้อขาย 8 หมื่น ลบ.สถาบันขาย 621 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 237 ลบ.ต่างชาติขาย 199 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,058 ลบ. โดยดัชนีทรงตัวระหว่างรอผลการประชุมเฟด และโผรายชื่อ ครม.อนุทิน 1 ที่อยู่ระหว่างรอการทูลเกล้า ฯ หลังมีข่าวรายชื่อ รมว. 1 ท่านอาจไม่ผ่านคุณสมบัติ ส่งผลให้นักลงทุนเลือก Wait & See โดยมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มขนส่ง, ไฟแนนท์, ค้าปลีก ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็ก ฯ , ไอซีที ที่ได้ปัจจัยหนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐ & ไทย ซึ่งเป็นผลบวกต่อ Valuation ของหุ้นเหล่านี้ โดยภาพรวมนักลงทุนรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Win เช่น โครงการคนละครึ่งวงเงิน 2.5 หมื่น ลบ., Easy E-Receipt เฟส2, ม.แก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า และ ม.ลดค่าไฟฟ้า ส่วนการลงทุน Mega Project นั้นเตรียมเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์มูลค่า 1 ล.ลบ.

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,300 แนวต้าน 1,310 - 1,320 คาดดัชนีมีโอกาส Sideway Up จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐ ส่งผลบวกต่อ Fund Flow ที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ และได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลอนุทิน แนะนำทยอยซื้อ กลุ่มค้าปลีกCPALL,CPAXT,BJC,TNP,KK/ อุปโภคบริโภค OSP,ICHI /ไฟแนนท์ MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS/ อสังหา ฯ AP,SPALI,SIRI ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง/ กองทุน DIF,3BBIF,CPNREIT ที่มีอัตราจ่ายเงินปันผลสูง
WHAUP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.54 บาท) คาดกำไร 2H68 จะเติบโตดีจากการขึ้นค่าน้ำและค่าธรรมเนียมพิเศษจากลูกค้าที่ใช้น้ำเกินโควต้า โดยเฉพาะลูกค้า Data Center ที่เติบโตดี และไม่มีค่าใช้จ่าย one-time ของโรงไฟฟ้า SPP, การปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Gheco-1 และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า solar rooftop 100 MW ที่จะเริ่ม COD ในครึ่งปีหลัง IAA consensus คาดกำไรปี 68 ทรงตัวที่ 1,094 ลบ. dividend yield ดีที่ 2%
ITC* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 16.93 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 696 ลบ.(-31%YoY, +3%QoQ) QoQ มีแรงหนุนในเชิง Volume ตามฤดูกาลและต้นทุนปลาทูน่าที่ปรับลดลง แต่ YoY กดดันจากรายได้ที่อ่อนตามบาทที่แข็งค่า, Product Mix ที่มีสัดส่วนสินค้าPremium ลดลง, และค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา ส่วน3Q68 คาดว่าว่ารายได้ยังอยู่ในทิศทางที่ดีจากยังเป็นฤดูกาลขาย มูลค่าการส่งออกของไทยก.ค.68(หน่วย usd) อาหารสุนัขและแมว +9%YoY, +14%MoM ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ ITC* จะอยู่ที่3,015 ลบ.(-16%YoY) และ 3,336 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค.-$0.47 อยู่ที่ $64.05 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.52 อยู่ที่ $67.95/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมฮิตติ้งออยส์และดีเซล สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.0 ล.บาร์เรล มากว่าคาดที่ 1 ล.บาร์เรล

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$7.30 อยู่ที่ $3,717.80 /ออนซ์ สัญญาทองคำปิดก่อนทราบผลการประชุมเฟด หลังเฟดมีมติลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดการณ์

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -3.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -6.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -9.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +12.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.077 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +26 อยู่ที่ 2,180

(-) BitCoin เช้านี้ -0.16% อยู่ที่ 116,478 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์

และชิ้นส่วนยานยนต์

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ต่างประเทศ

16 ก.ย. US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)

17 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)

18 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การคาดการณ์เศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายธนาคารกลาง

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662