Market Wrap-Up
- SET วันที่ 15 ก.ย.68 ปิด +6.16 จุด อยู่ที่ 1,299.78 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,280 ลบ. สถาบันซื้อ 845 ลบ. ต่างชาติซื้อ 303 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 635 ลบ. และรายย่อยขาย 513 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 4 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,THAI,KBANK,SAWAD,AOT และยอดขายหุ้น SCC,BBL,SCGP,EA,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,086 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,EGCO,PTTGC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,168 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 35,921 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 4,329 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.11%, S&P500 +0.47%, Nasdaq +0.94% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +1.1%, บริการสื่อสาร +2.3% ขณะที่ Nvidia -0.04% หลังถูกจีนตรวจสอบพบว่าบริษัทได้ละเมิด กม.ต่อต้านการผูกขาดของจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.42% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา +1.9% และกลุ่มอวกาศ & กลาโหม +1.74% หลังยุโรปเตรียมเพิ่มงบประมาณด้านการทหารให้กับ NATO และลดการพึ่งพาสหรัฐ
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย นำโดย Tesla +3.6% หลังอีลอน มัสต์ได้ซื้อหุ้น Tesla จำนวน 2.57 ล.หุ้น มูลค่าเกือบ 1 พัน ล.ดอลลาร์ในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร +2.3% นำโดย Alphabet +4.3% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทสูงขึ้นอยู่ที่ 3.05 ลล.ดอลลาร์ ส่วนการประชุมระหว่าง รมว.คลังสหรัฐ สกอตต์ เบสเซนต์ กับรองนายก ฯ จีน เหอ หลี่ผิงที่สเปนเกี่ยวกับการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐนั้น ปธน.ทรัมป์เผยสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนได้แล้ว โดยยังมีการเจราเบื้องต้นที่เกี่ยวกับภาษีศุลกากรสหรัฐ – จีน ก่อนที่จะมีการประชุมระหว่าง ปธน.ทรัมป์กับ ปธน.สี จิ้นผิงในวันศุกร์นี้ โดยภาพรวมนักลงทุนยังรอผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้ ซึ่ง CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 96.2% จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 4.00 – 4.25% และ Fed Dot Plot ที่จะบ่งชี้ทิศทางของดอกเบี้ยสหรัฐในระยะถัดไป
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ +0.42% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา หลังการเสียชีวิตของดีไซเนอร์ จอร์โจ อาร์มานี่ มีพินัยกรรมให้ขายกิจการให้กับ LVMH, L’Oreal และ Essilor Luxottica ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล่านี้ กลุ่มกลาโหม +1.74% จากคาดการณ์กลุ่ม NATO จะต้องเพิ่มงบประมาณด้านการทหาร หลังเกิดเหตุโดรนของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าของโปแลนด์และโรมาเนีย ขณะที่ดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศสปิด +0.90% ไม่ได้รับผลกระทบ แม้ว่า Fitch rating ได้ลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลดลงจาก AA- เป็น A+
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.26% หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีน เช่น ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตฯ และราคาบ้านใหม่ ส.ค. ชะลอตัว ขณะที่อัตราว่างงาน ส.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3% & ก.ค. 5.2% ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.35% ได้แรงหนุนจากหุ้น SK Hynix +0.76% ตอบรับการเปิดตัวแรมรุ่นใหม่ HBM4 มีประสิทธิภาพสูงเหมาะกับการใช้งานด้าน AI กอปน รมว.คลังเผยยังคงเกณฑ์การเก็บภาษีจากการขายหุ้นที่ระดับ 5 พัน ล.วอน จากเดิมคาดจะลดเกณฑ์ลงมาที่ 1 พัน ล.วอน สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมสหรัฐ - จีนที่สเปน และวันศุกร์ผลการประชุม BOJ ซึ่งคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%
- SET วานนี้ +0.48% ปริมาณการซื้อขาย 52 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 845 ลบ. รายย่อยซื้อ 456 ลบ. ต่างชาติซื้อ 303 ลบ. รายย่อยขาย 513 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 635 ลบ.โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +1.9% ที่ปรับขึ้นตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ และยังได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง ซึ่งเป็นผลบวกต่อ Valuation ของหุ้นกลุ่ม Growth ขณะที่กลุ่มพลังงาน & โรงกลั่นปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังยูเครนได้ใช้โดรนโจมตีท่าเรือขนส่งน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมันทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย โดยภาพรวมดัชนี SET ทรงตัวรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันพุธนี้ รวมถึงการประกาศรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ ที่จะเริ่ม ม.กระตุ้นเศรษฐผ่านโครงการคนละครึ่ง และการลงทุนมูลค่ารวม 2.27 ล.ลบ. เช่น แลนด์บริดจ์, สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก, รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ปากน้ำโพ – เด่นชัย .ไฮสปีดไทย – จีน ระยะที่ 2, หวยเกษียณ 700 ลบ./ปี ,โครงการบัตรทอง 30 บาทวงเงิน 2.65 แสน ลบ. รวมถึง ม.กระตุ้นการท่องเที่ยว และอสังหา ฯ ในช่วง Q4 นี้
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,290 แนวต้าน 1,310 คาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน กอปรกับเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2 – 3 ครั้ง แนะนำซื้อทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกCPALL,CPAXT,BJC,TNP/ อุปโภคบริโภค OSP,ICHI,COCOCO /ไฟแนนท์ MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS/ กองทุน CPNREIT,FTREIT ที่จ่ายเงินปันผลสูง / รับเหมาก่อสร้าง CK,STECON,TASCO
- COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.25 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q68 คาดฟื้นตัว QoQ ได้ต่อจากการเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจที่เป็นช่วงหน้าร้อนของยุโรปและสหรัฐฯ ตลาดส่งออกน้ำมะพร้าวขยายตัวได้ดี และแนวโน้ม margin น่าจะฟื้นตัวจากต้นทุนมะพร้าวที่ปรับลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี รวมถึงการทยอยปรับเพิ่มราคาขาย 5-10% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 68 ที่ราว 7-8 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1 หมื่นล้านบาท หนุนจากการออกสินค้าใหม่ ขณะที่การไปผลิตกะทิที่ฟิลิปปินส์ 1Q69 จะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง ตลาดคาดการณ์กำไรปี 68-69 ที่ 519 ล้านบาท -24%YoY และ 835 ล้านบาท +61%YoY
- ERW* (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 21 บาท)กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 63 ลบ.(-83%YoY, -82%QoQ) กดดันจากปัจจัยตามฤดูกาล จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง และ 2Q67 มีฐานสูงจากกำไรพิเศษ ส่วนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 3Q68 คาดว่าจะทะยอยฟื้นตัวได้ QoQ หนุนด้วยนักท่องเที่ยวในประเทศ มีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ขณะที่ 4Q68 ได้แรงหนุนตามฤดูกาล และลุ้นมาตรการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ ERW* จะอยู่ที่ 855 ลบ.(-33%YoY) และ 919 ลบ.(+7%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค.+$0.61 อยู่ที่ $63.30 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$0.45 อยู่ที่ $67.44/บาร์เรล หลังโรงกลั่นน้ำมันในเมืองคิริซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซ๊ยถูกโดรนของยูเครนโจมตี ส่งผลกระทบต่อการกลั่นน้ำมันของรัสเซียจำนวน 3.55 ล.บาร์เรล/วัน คิดเป็น 6.4% ของปริมาณการผลิตรัสเซีย
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$32.60 อยู่ที่ $3,719.00 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.26% อยู่ที่ 97.30 และ US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.038% ก่อนทราบผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +65.07ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +9.50 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +63.84 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -8.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.038 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +27 อยู่ที่ 2,153
(+) BitCoin เช้านี้ +0.15% อยู่ที่ 115,415 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์
และชิ้นส่วนยานยนต์
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
16 ก.ย. US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)
17 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
18 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การคาดการณ์เศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายธนาคารกลาง
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th