Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวเป็นครั้งแรกแก่ธนาคารไทยเครดิต ที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

91

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 กันยายน 2568)--------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว(National Long-Term Rating) ที่ ‘A(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่‘F1(tha)’ แก่ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ TCB โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากโครงสร้างเครดิตเฉพาะตัวของธนาคาร: อันดับเครดิตภายในประเทศของ TCB มีปัจจัยหลักในการพิจารณาจากสถานะเครดิตของตัวธนาคารเอง (standalone credit profile) และสะท้อนถึงรูปแบบธุรกิจเฉพาะทางของธนาคารในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นรายเล็ก (micro SME) รวมถึงการที่ธนาคารมีอัตรากำไรที่อยู่ในระดับสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและยังมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในระดับที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงที่สูงโดยธรรมชาติของกลุ่มลูกหนี้หลักของธนาคาร รวมไปถึงความเสี่ยงจากการที่ธนาคารมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ค่อนข้างสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เครือข่ายธุรกิจที่จำกัด มุ่งเน้นลูกค้า SME: โครงสร้างธุรกิจ (business profile) ของ TCB สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่จำกัดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์รายอื่นในประเทศไทย โดยธนาคารมีส่วนแบ่งตลาดที่ 0.8% ทั้งในด้านขนาดสินทรัพย์และขนาดฐานเงินฝาก โครงสร้างธุรกิจของธนาคารยังพิจารณาถึงรูปแบบธุรกิจของธนาคารที่มีการกระจุกตัว (narrow business model) โดยมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยเฉพาะที่เป็นรายเล็ก ซึ่งคิดเป็น 68% ของสินเชื่อรวม ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568

การเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มลูกค้าที่เปราะบาง: โครงสร้างความเสี่ยง (risk profile) ของ TCB สะท้อนถึงการมีความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็กในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมักมีความเปราะบางเพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งอัตราการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารยังเป็นระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมธนาคาร โดยอัตราการเติบโตของสินเชื่อของ TCB อยู่ที่ 25.3% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 2.1% ในช่วงปี 2564–2567 (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568: TCB 5.2% เทียบกับอุตสาหกรรม -0.4%) อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวได้รับการบรรเทาลงบางส่วนจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารที่อยู่ในระดับสูง และมีการทำประกันสินเชื่อกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

ความท้าทายด้านคุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ TCB อยู่ที่ 4.8% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจของธนาคาร การกระจุกตัวของลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญ (credit cost) ของ TCB อยู่ในระดับสูงกว่าธนาคารอื่นอย่างมีนัยสำคัญ และพอร์ตสินเชื่อที่กระจุกตัวในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงยังทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงที่จะมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นอย่างมากได้ หากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปรับตัวอ่อนแอลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ความสามารถในการทำกำไรน่าจะอยู่ในระดับยอมรับได้ต่อเนื่อง: ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ TCB จะปรับตัวลดลงบ้างเนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าด้วยลักษณะสินเชื่อของธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงน่าจะยังช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญได้บ้าง และส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงของ TCB อยู่ที่ 3.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 2.2% ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารในการรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ นอกจากนี้ TCB ยังได้รับประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 7.9% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.1% ค่อนข้างมาก และฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ TCB จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในระยะสั้น

ฐานะเงินกองทุนปรับตัวดีขึ้น: อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ TCB ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 15% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 (2567: 14.8%, 2566: 13.1%) โดยเงินกองทุนปรับเพิ่มขึ้นจากกำไรสะสม และการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อย่างไรก็ดี อัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ของธนาคารยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 16% และฟิทช์คาดว่าธนาคารจะยังคงมีความสามารถในการสะสมเงินกองทุนให้อยู่ในระดับแข็งแกร่งเพียงพอที่จะชดเชยการเติบโตของสินเชื่อที่คาดการณ์ไว้

การเติบโตของสินเชื่อเร็วกว่าการเติบโตของเงินฝาก: อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของ TCB อยู่ที่ประมาณ 127% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 90% อัตราส่วนดังกล่าวทรงตัวสูงกว่า 100% ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูงและยังสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจด้านเงินฝากของธนาคารที่ค่อนข้างด้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TCB อาจเกิดขึ้น หากโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับโครงสร้างอันดับเครดิตของสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดได้จากการที่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคาร (risk appetite) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จาก อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูงกว่า 20% อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปัจจัยบรรเทาความเสี่ยงที่เพียงพอ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดได้จากการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญของคุณภาพสินทรัพย์หรือฐานะเงินกองทุนของธนาคาร ซึ่งอาจสะท้อนจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 100% หรือการคาดการณ์ว่าฐานะเงินกองทุนจะปรับตัวด้อยลง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ที่ต่ำกว่า 12% อย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากแผนที่น่าเชื่อถือในการฟื้นระดับเงินกองทุนให้กลับสู่ระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันได้

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างธุรกิจหรือโครงสร้างความเสี่ยงของธนาคารในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์อาจพิจารณาปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TCB ในระยะยาวได้ หากฟิทช์เห็นธนาคารมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างมีสาระสำคัญในด้านเครือข่ายธุรกิจ ซึ่งรวมถึงรูปแบบธุรกิจที่มีหลากหลายมากขึ้น และความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า ควบคู่ไปกับการมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในระดับปานกลาง

วันที่มีการประชุมพิจารณาอันดับเครดิต:
27 สิงหาคม 2568

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ที่ ‘A(tha)’; ‘แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ที่ ‘F1(tha)’

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ใครกัน อินฟูลฯปั่นหุ้น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เสพ ข่าวรวบเครือข่ายพิธีกรรายการเรียลิตี้โชว์ธุรกิจดัง รวมหัวปั่นหุ้น .....

TPCH รับประกาศฯ เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์

TPCH รับประกาศฯ เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้