AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้น Domestic Play
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1280-1300 จุด จากรอความคืบหน้าการจัดตั้ง ครม. และนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนประเด็นต่างประเทศโฟกัสหลักสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยฯ และส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร หุ้นประจำสัปดาห์นี้เลือก TTB และหุ้นรายวันเลือก CBG
ประเด็นหลักในประเทศอยู่ที่การตั้ง ครม. ใหม่ที่อยู่ในช่วงตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ซึ่งหากใช้เวลาไม่เกินสัปดาห์นี้ก็มีโอกาสที่การแถลงนโยบายและประชุม ครม. นัดแรกจะเกิดภายใน 30 ก.ย.นี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นยิ่งเร็วจะเป็นผลดีต่อโอกาสของนำงบประมาณปี 68 วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท ที่เหลืออยู่จากงบ Digital Wallet ออกมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มได้ นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจมาตรการ Quick Win ของรัฐบาลใหม่ นอกเหนือจากมาตรการคนละครึ่ง ซึ่งวันนี้ติตตามนายกฯ อนุทินพบสภาอุตสาหกรรมเพื่อหารือแนวทางเศรษฐกิจ ข้อเสนอภาษีสหรัฐฯ และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป ซึ่งในระยะสั้นเรามองเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่ม Domestic Consumption วันนี้เน้นไปที่ CBG
ประเด็นต่างประเทศไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การประชุม FED (ซึ่งรู้ผล 18 ก.ย. เวลา 1.00 ตามเวลาประเทศไทย) ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยฯ และส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินผ่าน อย่างไร ซึ่งตลาดยังคงคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้งครั้งละ 0.25% ส่วนปี 2569 คาดลดดอกเบี้ยในช่วง 2-3 ครั้ง สถานการณ์ข้างต้นทำให้ระหว่างสัปดาห์ตลาดอยู่ในช่วง Wait & See ปัจจัยอื่นๆ จีน-สหรัฐฯ มีการประชุมกันที่สเปนระหว่างวันที่ 14-17 ก.ย. ประเด็นที่หารือ 1) การเจรจาการค้าซึ่งเราคาดยังไม่น่าเห็นข้อสรุปเพิ่มเนื่องจาก Deadline เดิมสิ้นสุด 10 พ.ย.68 2) การกดดันรัสเซียผ่านจีนในเรื่องการนำเข้าน้ำมัน สะท้อนการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่บรรลุผล มองเป็นบวกอ่อนๆต่อราคาน้ำมันดิบดีต่อ PTTEP 3) การเจรจาการขายกิจการ Tiktok ในสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการขยายเวลา Deadline จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ย. จึงไม่ได้มีผลต่อตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 5.6 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นตลาดประเทศหลังสหรัฐฯ เงินเฟ้อเดือน ส.ค. ตามคาด หนุนหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ MTC +3% KTC +3.5% จากประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง กลุ่มท่องเที่ยว +1.3% จากข่าวผู้ว่า ททท. เสนอแนวคิดโครงการ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง กลุ่มส่งออกมีแรงซื้อทั้งๆ ที่บาทแข็งค่า นำโดย กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ HANA +3% KCE +2% ITC +3.4% GFPT +1% ด้านกลุ่มที่ Underperform คือ โรงไฟฟ้าแรงขายทำกำไร GPSC -2.4% BGRIM-3.5% กลุ่มธนาคาร -0.22% จากเสียประโยชน์ดอกเบี้ยขาลงรวม XD ของ TCAP
DAILY Stock Pick
CBG
มาตรการ คนละครึ่ง หนุนยอดขาย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65.25 บาท
รัฐบาลมีแผนกลับมาใช้มาตราการ “คนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในเดือน ต.ค. 68 โดยมาตราการดังกล่าวหนุนยอดขาย ของกลุ่มเครื่องดื่มอย่าง CBG ที่มีสัดส่วนรายได้จาก Traditional trade ภายในประเทศ ถึง 23% อีกทั้ง หากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศผ่อนคลาย หนุนโอกาสฟื้นตัวของยอดขาย
แนวโน้ม ส่วนแบ่งตลาดของ CBG เพิ่มขึ้นใน 3Q68 และแนวโน้มกำไร 2H68 แข็งแกร่ง รวมไปถึงโอกาสเติบโตจากต่างประเทศเพิ่มเติม ณ ปัจจุบันถูกซื้อขาย PE’68 ที่ 18 เท่า (-1.4SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
WEEKLY Stock Pick
TTB
เราคาด ปันผล 1H68 สูงที่สุดในกลุ่ม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.00 บาท
เราคาดว่า TTB จะประกาศจ่ายปันผล 0.065 บาทต่อหุ้น ใน 1H68 หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผล 3.4% สูงที่สุดในกลุ่มที่จ่ายปันผลเฉลี่ย 1.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กำไรในปี 69-70 เราคาดเติบโตเฉลี่ย 5% จากทั้งรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่วนกำไรใน 2H68 เติบโต HoH เนื่องจาก Credit cost ที่ลดลง ตามกลยุทธ์ที่เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ตลาดให้น้ำหนักไปที่การประชุม FOMC 16-17 ก.ย. (รู้ผลตามเวลาไทย 18 ก.ย.) โดย Fed น่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bp จากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ผสานกับแรงกดดันทางการเมือง และในขณะเดียวกันก็จะจับตา Dot Plot ที่ตลาดคาดหวังการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 50 bps ในปีนี้ ทั้งนี้ ทิศทางตลาดการเงินโลกระยะสั้น ถือว่าสะท้อนความคาดหวังไปแล้วและเริ่มมีสัญญาณกลับมาชะลอดูตัวเลขจริง 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดขึ้นจากจุดต่ำสุดบริเวณ4% 2) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาทรงตัว-พักตัว ในช่วง -0.62% ถึง +0.48%
ด้านการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังบ่งชี้ความอ่อนแอ โดย 1) ยอดค้าปลีก เดือน ส.ค. คาดว่าจะขยายเพียง +0.2% MoM จาก +0.5% MoM ในเดือนก่อน 2) แบบสำรวจภาวะธุรกิจการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Manufacturing Survey) น่าจะสะท้อนความอ่อนแอ ชะลอลงเหลือ 5 จาก 11.9 ส่วน 3) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม น่าจะหดตัวเล็กน้อย -0.1%
EYES ON
ในสัปดาห์ นโยบายของรัฐบาลใหม่
15 ก.ย. Empire Manufacturing, ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน
16 ก.ย. ยอดค้าปลีกและผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
17 ก.ย. CPI ของ Eurozone เดือน ส.ค. (รายงานครั้งสุดท้าย)
18 ก.ย. ผลการประชุม FOMC
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ