Market Wrap-Up
- SET วันที่ 12 ก.ย.68 ปิด +5.59 จุด อยู่ที่ 1,293.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,577 ลบ. สถาบันซื้อ 754 ลบ. รายย่อยซื้อ 201 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 191 ลบ. และต่างชาติขาย 764 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 140 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,PTT,COM7,THAI,SCGP และยอดขายหุ้น ADVANC,KBANK,CPALL,TRUE,GPSC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,116 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPP,CN01,CPN โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 12,213 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 38,089 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,793 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.59%, S&P500 -0.05%, Nasdaq +0.44% โดยกลุ่มเฮลธ์แคร์ -1.13%, วัสดุ -0.97% หลัง ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.ย. ลดลงอยู่ที่ 4 & คาด 58.2 ลดลงเป็นเดือนที่ 2 แต่ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Growth เช่น Oracle, Tesla ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.09% จากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์ Novartis -2.8% ถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองฝรั่งเศส
- Market View
- DJIA +0.95%, S&P500 +1.6%, Nasdaq +2.03% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & AI หลัง Oracle ปรับขึ้นจากแนวโน้มรายได้จากการวางโครงข่ายระบบคลาวด์ของ OpenAI มูลค่า $3 แสน ล. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 27,000 อยู่ที่ 263,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี กอปร ก.แรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ย้อนหลัง 12 เดือนนับตั้งแต่ มี.ค. 68 ลดลง 911,000 ตำแหน่งงาน บ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัวส่งผลให้ CME FedWatch ชี้มีโอกาส 94% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. และคาดโอกาสลดดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุม ต.ค., ธ.ค.นี้ สัปดาห์นี้วันพุธติดตามผลการประชุม FOMC
- ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.0% WoW ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ หลังเกิดเหตุโปแลนด์ยิงสกัดโดรนรัสเซียที่รุกล้ำเข้าน่านเฟ้า ขณะที่ผลการประชุม ECB มีมติคงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 2.0% ต่อเนื่องไปครั้งที่ 2 โดย ECB คาด GDP ยูโรโซนปีนี้จะเติบโตที่ 1.2% & เดิมคาดที่ 0.9% และเงินเฟ้อปีนี้คาดที่ 2.1%, ปี 69 คาดที่ 1.7% และปี 70 คาดที่ 1.9% ซึ่งเป็นการบ่งชี้การยุติวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของยูโรโซน ขณะที่ดัชนี CAC-40 ฝรั่งเศส +1.96% WoW แม้ว่าปัจจัยการเมืองยังมีความไม่แน่นอน หลัง ปธน.มาครงต้องสรรหานายก ฯ คนที่ 5 ในรอบไม่ถึง 2 ปี เพื่อดำเนินการผ่านร่างงบประมาณที่จะต้องลดภาระขาดดุลในอนาคต ส่งผลให้ Fitch rating ได้ลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสจาก AA- เป็น A+ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามการประชุม BOE อังกฤษ
- MSCI Asia Pacific Index +3.2% WoW นำโดยดัชนีนิเกอิ +0% WoW ทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น SoftBank, Advantest และรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจากนายก ฯ ท่านใหม่ เช่นเดียวกับดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.5% WoW ได้แรงหนุนการเปิดตัวระบบ AI โมเดลของ Alibaba, Baidu และ Kospi เกาหลีใต้ +5.9% WoW นำโดย SK Hynix +7.0% รับข่าวการเปิดตัวชิป HBM4 รุ่นใหม่ที่มี Bandwidth เพิ่มขึ้นเท่าตัว และประหยัดพลังงานได้ถึง 40% ส่วนเข้านี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน เช่น ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตฯ, ดัชนีราคาบ้าน และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ส.ค. รวมถีงการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีนที่สเปน 14 – 17 ก.ย.
- SET +2.28% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 59 หมื่น ลบ. +8.7% WoW สถาบันซื้อ 1,946 ลบ. รายย่อยซื้อ 456 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 298 ลบ. และต่างชาติขาย 2,104 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +6.1% WoW ที่ปรับขึ้นตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชีย กอรปอุปสงค์ชิปยังอยู่ในระดับสูง หลังข้อมูลส่งออกเซมิ ฯ ของเกาหลีใต้ในช่วง 10 วันแรกของ ก.ย. +28.4% YoY ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี +3.5% WoW ยังได้ปัจจัยจาก ม.ลดกำลังการผลิตปิโตรเคมีของจีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนท์, อาหาร ก็ได้ปัจจัยหนุนจาก ม.คนละครึ่งเฟสใหม่ของรัฐบาลอนุทิน โดยมีวงเงินเบื้องต้น 2.5 หมื่น ลบ. และเพิ่มยอดการใช้จ่ายจากเดิม 150 เป็น 200 บาท/วัน ซึ่งคาดจะกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2 – 0.3% โดยดัชนี SET ยัง Sideway Up ได้ต่อเนื่อง จากแรงซื้อของสถาบันและรายย่อย จากความหวังเชิงบวก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการสำคัญ ๆ 17 โครงการไม่รวม ม.คนละครึ่ง มีมูลค่ารวม 2.27 ล.ลบ. เช่น แลนด์บริดจ์, สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก, รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ปากน้ำโพ – เด่นชัย .ไฮสปีดไทย – จีน ระยะที่ 2, หวยเกษียณ 700 ลบ./ปี และโครงการบัตรทอง 30 บาทวงเงิน 2.65 แสน ลบ.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,280 - 1,290 แนวต้าน 1,300 - 1,310 คาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน กอปรกับเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2 – 3 ครั้ง แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีกCPALL,CPAXT,BJC,TNP/ อุปโภคบริโภค OSP,ICHI,MOSHI /ไฟแนนท์ MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS/ กองทุน DIF,3BBIF,CPNREIT ที่จ่ายเงินปันผลสูง / รับเหมาก่อสร้าง CK,STECON,TASCO
- EPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.35 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 1Q68/69 (เม.ย.-มิ.ย.) อยู่ที่ 267 ล้านบาท +8%QoQ, +5%YoY หากตัดรายการขาดทุน FX และตั้งสำรอง ECL ออกกำไรปกติอยู่ที่ 344 ล้านบาท +18%QoQ มีปัจจัยหนุนจากรายได้ธุรกิจ Aeroklas ที่เติบโตสวนทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเพราะได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ประกอบกับรายได้ที่ออสเตรเลียเพิ่มขึ้น จึงทำให้ GPM ปรับตัวดีขึ้น แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีคาดทยอยดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยธุรกิจ Aeroflex (insulator) ที่สะดุดไปใน 1Q68/69 จากบาทแข็งจะกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ มีความต้องการสูงในงานโครงการ โดยมีการย้ายวัตถุดิบไปผลิตในสหรัฐฯ และปรับขึ้นราคาขายตามคู่แข่ง นอกจากนี้ในทางบัญชีน่าจะไม่มีการตั้งสำรอง ECL อีก ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68/69 ที่ 05 พันล้านบาท +32%YoY ด้วย valuation ไม่แพง PER’68/69 ที่ 7.6 เท่า
- CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 6,768ลบ.(+8%YoY, -11%QoQ) อ่อนตัวQoQ ตามฤดูกาล และ YoY กดดันอยู่บ้างจากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า/ความเย็นฝั่ง CPAXT* แต่กำไรยังเป็นบวกได้อยู่หนุนจากมาร์จิ้นที่ดีตามสัดส่วน7-11 ที่สูงขึ้นรวมถึงการเน้นกลยุทธสินค้าReady-to-Eat ส่วนการดำเนินงานปกติในช่วง 3Q68 เบื้องต้นคาดอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY ยังเป็นบวกได้แม้คาด SSSG 7-11 ยัง Flat YoY(ต่อจาก 2Q68 ที่ -0.8%YoY) แต่ยังได้แรงหนุนจากสาขาเปิดใหม่และการคุมมาร์จิ้นที่ดี ขณะที่สินค้าออกใหม่เป็นที่นิยม เช่น กาแฟกระป๋องสตาร์บัคส์ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ CPALL ที่ 28,013 ลบ.(+11%YoY) และ 29,692 ลบ.(+6%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค.+$0.32 อยู่ที่ $62.69 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$0.62 อยู่ที่ $66.99/บาร์เรล หลังยูเครนใช้โดรนโจมตีท่าเรือพริมอร์สก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย ส่งผลให้ต้องหยุดขนส่งน้ำมันชั่วคราว ขณะที่ ปธน.ทรัมป์เตรียมออก ม.คว่ำบาตร & เก็บภาษีนำเข้า เพื่อลดการใช้น้ำมันรัสเซียของจีนและอินเดีย
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$12.80 อยู่ที่ $3,686.40 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 17 ก.ย.
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -470.13ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -66.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -401.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.69 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.077 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +15 อยู่ที่ 2,126
(-) BitCoin เช้านี้ -0.78% อยู่ที่ 115,036 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์
และชิ้นส่วนยานยนต์
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
16 ก.ย. US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)
17 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
18 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การคาดการณ์เศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายธนาคารกลาง
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th