Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยที่ AAA(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

86

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 12 กันยายน 2568)------- บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ที่ ‘AAA(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตสะท้อนถึงการสนับสนุนจากรัฐบาล: อันดับเครดิตของ SME Bank สะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ (extraordinary support) จากรัฐบาลไทย (BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในกรณีที่จำเป็น การประเมินดังกล่าวสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของธนาคารในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

 

อันดับเครดิตสะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตเชิงเปรียบเทียบ: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ  SME Bank นั้นอยู่ในระดับสูงสุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศของไทย และบ่งชี้ถึงความคาดหวังว่าธนาคารมีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นในประเทศไทย

 

พันธกิจเชิงนโยบายที่สำคัญ: SME Bank มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลโดยให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย ธนาคารให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการที่อาจยังไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการเงินอย่างเพียงพอจากธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ทั้งนี้  ภาคธุรกิจ SME ถือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนประมาณ 35% ของ GDP ณ สิ้นปี 2567 และฟิทช์คาดว่ารัฐบาลจะยังคงมองว่ากลุ่ม SME นี้มีความสำคัญในระยะยาว  นอกจากนี้ ฟิทช์ยังมองว่าบทบาทเฉพาะของ SME Bank และความเชี่ยวชาญอันยาวนานในกลุ่มลูกค้า SME นั้นทำให้การถ่ายโอนการดำเนินงานด้านนโยบายรัฐไปยังธนาคารรัฐอื่นนั้นทำได้ยาก

 

การถือหุ้นโดยรัฐบาลและการกำกับดูแลที่ใกล้ชิด: ฟิทช์พิจารณาว่าการถือหุ้น 99.4% ของกระทรวงการคลังใน SME Bank เป็นการถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดผ่านการแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารโดยมีผู้แทนทั้งจากกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรม ความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดกับภาครัฐและบทบาทเชิงนโยบายของ SME Bank ทำให้ฟิทช์เชื่อว่าเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของธนาคารยังคงมีความสำคัญและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยในระยะปานกลาง

 

การสนับสนุนจากรัฐอย่างต่อเนื่อง: SME Bank ได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง กระทรวงการคลังได้ให้การค้ำประกันพันธบัตรมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาทของธนาคาร โดยตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งธนาคาร กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันหนี้ของธนาคารได้ไม่เกิน 6.0 เท่าของเงินกองทุนของธนาคาร หรือประมาณ 6.07 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังได้เพิ่มทุนให้ธนาคารเพื่อให้ธนาคารสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนตามเกณฑ์และสนับสนุนการเติบโตของธนาคาร ฟิทช์คาดว่าการช่วยเหลือดังที่กล่าวมานี้จะยังดำเนินต่อไปในระยะปานกลาง

 

ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอสะท้อนถึงบทบาทของธนาคารรัฐ: ความสามารถในการทำกำไรของ SME Bank ที่ผ่านมานั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างอ่อนแอเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสินเชื่อด้อยคุณภาพที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการเตรียมความพร้อมสำหรับการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ในปี 2570 ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวด้อยลงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังช่วงโควิดที่ยังช้า โดยกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังคงติดลบที่ -0.3% ในเดือนมีนาคม 2568 (ปี 2567: -1.8%) แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าผลการดำเนินงานที่อ่อนแอนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคาร เนื่องจากการธนาคารมีสถานะเป็นธนาคารรัฐจึงอาจต้องมีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว (counter cyclical role) อีกทั้งธนาคารยังช่วยเหลือลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตของ SME Bank อาจถูกปรับลดอันดับเครดิตลงหากโอกาสของรัฐบาลในการสนับสนุนธนาคารปรับตัวลดลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายของธนาคารจากการเป็นธนาคารรัฐ บทบาทของธนาคารในการสนับสนุนนโยบายรัฐที่ปรับตัวลดลง หรือการลดสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะอันใกล้

 

นอกจากนี้ ฟิทช์ยังไม่คาดว่าความสามารถของรัฐบาลในการสนับสนุนระบบการเงินที่อาจปรับตัวด้อยลงจากการปรับลดอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย นั้นจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารรัฐที่มีความสำคัญซึ่งรวมถึง SME Bank มีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากกว่าหน่วยงานอื่นๆในประเทศ ดังนั้นโครงสร้างอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตภายในประเทศของ SME Bank ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุดแล้ว

 

แหล่งที่มาของข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นไปตามรายละเอียดที่อธิบายไว้ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้องของฟิทช์

 

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น

อันดับเครดิตของ SME Bank มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของประเทศไทย

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้