ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ขึ้นไปสูงสุด 1281.19 และต่ำสุด 1274.39 ดัชนีปิดที่ 1278.05 เพิ่มขึ้น เล็กน้อย +1.97 จุด (+0.15%) มูลค่าซื้อขาย4.25 หมื่นลบ. โดยเป็นการแกว่งรอปัจจัยใหม่ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค.25 ของสหรัฐ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ มาตรการและรายละเอียดของรัฐบาลใหม่ เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในปท./รายย่อยซื้อสุทธิ +701 ลบ. /+1.4 พันลบ. ต่างชาติขายสุทธิ -1.8 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ

-สหรัฐ : เงินเฟ้อผู้ผลิตเดือนส.ค.ลดลง และต่า กว่าตลาดคาด โดย PPI ทั่วไปลดเป็น 2.6% ( จาก 3.1% ในก.ค.) และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.3% ด้าน PPI พื้นฐานลดสู่ 2.8% ( จาก 3.4%) และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.5% ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะรายงานวันที่ 11 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าเงิน เฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.25 จะเพิ่มเป็น 2.9% ( จาก 2.7% ในก.ค.25) ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานทรงที่ 3.1 % เท่ากับก.ค.25

-ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 16-17 ก.ย.นี้์

-ยูโรโซน : ประชุม ECB วันนี้ ตลาดคาดคงดอกเบี้ย ไว้ที่เดิมเนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในเป้าหมายที่ 2% ด้านศก.และการเมืองยิงไม่แน่นอน์ หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 3.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแอปเปิ้ลยังตามหลังคู่แข่งในศึกชิงความเป็นเจ้าตลาด

-AI นอกจากนี้ การที่แอปเปิ้ลเปิดตัว iPhone 17 Series ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน์ ตลาดหุ้นสหรัฐ mix โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง แต่ดัชนี S&P500 และNasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนโดยหุ้นออราเคิล แม้ว่าหุ้นแอปเปิ้ลจะอ่อน
ลง ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตส.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด ราค่าน้ำมันดิบปรับขึ้น ต่อ+1.66% เป็น 63.67-67.49 US ้/bbl จากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เพิ่มขึ้น สัญญาท้องคำปิดทรงตัวที่ 3,682.0 US้/ออนซ์ ดัชนีค่าเงิน US้ ทรงที่ 97.84 เงินบาทเคลื่อนไหว 31.7-31.8 Bt/US

-ส่วนUS bond yield 10 ปีอ่อนี้เป็น 4.05% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ลดสู่ 102.45 ดัชนี Baltic Dry Index เพิ่มขึ้น เป็น 2,112
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น

-กลุ่มปิ โตรเคมี : แม้ว่าในปี 2026 จะยังไม่เป็นวัฏจักรขาขึ้นเต็มรูปแบบ เพราะการเติบโตของอุปสงค์ยังจำกัดแต่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในธุรกิจโอเลฟินส์ หลังโรงงานขนาดใหญ่ ในตลาดโลก มีแผนลดการผลิตลงในปี 2026 ต้นทุนลดลงตามราค่าน้ำมัน ทำให้มาร์จิ้นมีแนวโน้มดีขึ้น...คาดว่าPTTGC และSCC ได้อานิสงค์มากเพราะมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจโอเลฟิ น์ สมาก รองลงมาเป็น IRPC

- การเมืองไทย : นายกฯอนุทินเปิดตัวนำยเอกินติ เป็ตำแหน่งรองนายกฯ & รมว.คลัง และนางศุภจี เป็นรมว.พาณิชย์ เป็นไปตามข่าวก่อนหน้าและผลตอบรับเป็นไปในทางบวก ด้านป.ป.ช.จ่อขยายผลสอบเจ้าหน้าที่รัฐ-เอกชน-นักการเมืองเพิ่ม จากปมเอื้อทักษิณรักษาตัวชั้น 14

-กลยทธุ์ : ยังควรระวังการแกว่งตัวทีโซนแนวต้าน 1280, 1290 - 1300...แม้วาดัชนีจะแกว่งและระดับปิดต่ำกว่า 1280 แต่สัญญาณทางเทคนิคยังเป็นบวกเล็ก ๆ ระยะส้นมีแนวต้าน 1280, 1290 - 1300 ซึ่งอาจมีการแกว่งตัว/พักฐานในโซนดังกล่าว การอ่อนตัวมีแนวรับ 1270 - 1265, 1255 - 1250

-หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : BDMS คาดกำไรสุทธิ 2H25F ดีขึ้น HoHเนื่องจาก 3Q เป็น high season ของธุรกิจเพราะเป็นฤดูฝน รายได้คนไข้เมียนมากลับมา และรายได้คนไข้ตะวันออกกลางเติบโตดี คาดกำไรสุทธิ 3Q25F เติบโตทั้ง YoY และQoQ ผลกระทบจากคนไข้กัมพูชาที่ลดลงไม่มาก (รายได้คนไข้กัมพูชาคิดเป็น 3% ของรายได้รวมในปี 24) คาดกำไรปี 25F-26F เติบโตต่อเนื่อง +4% และ+7% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท

นักวิเคราะห์ &กลยทธุ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829